INVEST SNACK
General Pic
Mutual Funds[Fund Review] MSILVER โอกาสรอบใหม่ของ “Silver Miners” ที่ได้ประโยชน์จากธีมอุตสาหกรรมยุคใหม่[Fund Review] MSILVER โอกาสรอบใหม่ของ “Silver Miners” ที่ได้ประโยชน์จากธีมอุตสาหกรรมยุคใหม่ MSILVER เป็นกองทุนที่ลงทุนแบบ Feeder Fund ผ่าน ETF หลัก iShares MSCI Global Silver Miners ETF (SLVP) ซึ่งอิงดัชนี MSCI ACWI Select Silver Miners Index เงินทุนไหลกลับสู่สินค้าโภคภัณฑ์ โดย “โลหะเงิน (Silver)” เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่โดดเด่นที่สุดปี 2025 แต่เมื่อเทียบรอบใหญ่ในอดีต และยังมีช่องว่างให้ปรับตัวตามทองคำ (Gold) Demand เงินยังขยายต่อเนื่อง โดยเฉพาะจาก อุตสาหกรรม Solar, EV Batteries, Semiconductors ขณะที่ฝั่ง Supply ถูกจำกัดมาหลายปี อาจทำให้เข้าสู่ภาวะขาดแคลนเชิงโครงสร้างในระยะเวลาข้างหน้า บริษัทเหมืองเงิน (Silver Miners) ส่วนใหญ่เป็นเหมือง Multi-commodity ทำให้รายได้หลากหลาย และกระจายความเสี่ยงได้ดี
3 Dec 25|By InnovestX Wealth Products & Strategy
Cafe Image
ลงทุนก้าวแรกทำความรู้จักหุ้นเด่นใน DR CHNXT5023: โอกาสบนเศรษฐกิจใหม่จีนทำความรู้จักหุ้นเด่นใน DR CHNXT5023: โอกาสบนเศรษฐกิจใหม่จีนในช่วงที่เศรษฐกิจจีนกำลังเปลี่ยนผ่านจาก Old Economy ที่เน้นอสังหาฯ และการผลิตแบบดั้งเดิม ไปสู่ New Economy ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดัชนี ChiNext 50 จึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเวทีสำคัญของบริษัทจีนยุคใหม่ที่เติบโตเร็วและลงทุนด้าน R&D สูงอย่างต่อเนื่อง ดัชนีนี้คัดเลือก 50 บริษัทชั้นนำบนกระดาน ChiNext ซึ่งเป็นตลาดหุ้นสำหรับบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมของจีน โดยเน้นบริษัทที่มีชื่อเสียง มาร์เก็ตแคปใหญ่ และมีสภาพคล่องสูง ทำให้นักลงทุนสามารถใช้ดัชนีนี้เป็นตัวแทนของเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่จีนได้อย่างค่อนข้างดี จุดเด่นสำคัญของ ChiNext 50 คือการกระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรมภายใต้ธีม New Economy แตกต่างจากดัชนีเทคโนโลยีจีนบางตัว เช่น STAR50 ที่มีน้ำหนักกระจุกตัวอย่างมากในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ดัชนี ChiNext 50 กระจายพอร์ตไปในหลายกลุ่มตั้งแต่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV), ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในโรงงาน (Automation), สุขภาพและอุปกรณ์การแพทย์ (Healthcare), พลังงานแสงอาทิตย์ ไปจนถึง Fintech และแพลตฟอร์มดิจิทัล ช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับนโยบายสนับสนุน New Economy ของรัฐบาลจีน ในขณะที่กระจายความเสี่ยงระหว่างหลายอุตสาหกรรมที่กำลังโตระยะยาว ด้านโครงสร้างตลาด ChiNext เองก็มีฐานที่แข็งแกร่ง โดยกระดาน ChiNext เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 2009 ในฐานะตลาดหลักสำหรับบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรม และดัชนี ChiNext 50 ถูกจัดตั้งในปี 2014 เพื่อรวบรวมบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงบนกระดานนี้ ปัจจุบันจึงถือเป็นดัชนีเรือธงของหุ้นนวัตกรรมจีน ซึ่งช่วยสะท้อนภาพรวมของบริษัทเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างจริงจัง หากมองจากผลการดำเนินงานย้อนหลัง ChiNext 50 เคยให้ผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนีตลาดหลักของจีนอย่าง CSI300 โดยมีค่า Upside Capture Ratio ที่สูงกว่า สะท้อนว่าดัชนีมีแนวโน้มเก็บผลตอบแทนได้ดีกว่าเมื่อเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น และชี้ให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของบริษัทในกลุ่ม New Economy เหล่านี้ ขณะเดียวกัน มูลค่าปัจจุบันของดัชนีในมุม Forward P/E อยู่ราว 26 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ประมาณ 30 เท่า บ่งชี้ว่า Downside risk ถูกจำกัดมากกว่าช่วงที่เทรดแพงกว่าค่าเฉลี่ย และยังเปิดโอกาสให้เกิด Upside เพิ่มเติมเมื่อ Sentiment ต่อหุ้นจีนปรับดีขึ้นในอนาคต สำหรับนักลงทุนที่สนใจเข้าถึงธีมเศรษฐกิจใหม่ของจีน Invesco Great Wall ChiNext 50 ETF (CHNXT5023) ครอบคลุม 50 บริษัทชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น แบตเตอรี่ EV, Fintech, Automation, อุปกรณ์การแพทย์, พลังงาน Solar และ Biotechnology ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ใจกลางการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจจีนจาก Old Economy สู่ New Economy บทความฉบับเต็มเกี่ยวกับ CHNXT5023 และบทความบรรยากาศงานวันเปิดตัวของ DR CHNXT5023 สามารถเข้าถึงได้ผ่านลิงก์นี้: บทความ CHNXT5023 บทความบรรยากาศงานวันเปิดตัวของ DR CHNXT5023
3 Dec 25|By InnovestX Wealth Products & Strategy
Cafe Image
Digital Assetsเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีขนาดใหญ่ (Big Cap) : เหรียญยักษ์ใหญ่ของตลาดคืออะไร? มีตัวไหนเด่น? ทำไมนักลงทุนสถาบันถึงให้ความสนใจเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีขนาดใหญ่ (Big Cap) : เหรียญยักษ์ใหญ่ของตลาดคืออะไร? มีตัวไหนเด่น? ทำไมนักลงทุนสถาบันถึงให้ความสนใจBig Cap หมายถึง เหรียญคริปโทเคอร์เรนซีขนาดใหญ่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) มากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหรียญกลุ่มนี้มักมี สภาพคล่องสูง, ความผันผวนต่ำกว่าเหรียญ Mid และ Small Cap อีกทั้งได้รับการยอมรับในวงกว้างทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก เช่น    1. Bitcoin (BTC)คริปโทแรกบนบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ ใช้ Proof-of-Work จำนวนจำกัด 21 ล้านเหรียญ ถูกมองเป็น “ทองคำดิจิทัล”   2. Ethereum (ETH)บล็อกเชนชั้นนำรองรับ Smart Contracts และ DeFi ใช้ Proof-of-Stake และเป็นศูนย์กลางมาตรฐาน ERC-20 / ERC-721   3. BNB (BNB)โทเคนประจำ BNB Chain และระบบนิเวศ Binance ใช้ชำระค่าธรรมเนียม รับส่วนลด และเป็น Gas Token   4. Solana (SOL)บล็อกเชน Layer-1 ความเร็วสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ เหมาะกับ DeFi, NFT และ Memecoin   5. Ripple (XRP)โทเค็นเพื่อการชำระเงินข้ามพรมแดน โอนเงินเร็ว ต้นทุนต่ำ และช่วยจัดหาสภาพคล่อง   6. Cardano (ADA)บล็อกเชน Layer-1 ที่ใช้แนวทางวิจัย Peer-Reviewed ใช้ Proof-of-Stake เน้นความปลอดภัยและความยั่งยืน   7. Bitcoin Cash (BCH)สกุลเงินดิจิทัลแบบ Peer-to-Peer จาก Hard Fork ของ Bitcoin เพิ่มขนาดบล็อกเพื่อทำธุรกรรมเร็วและถูก   8. Chainlink (LINK)เครือข่าย Oracle แบบกระจายศูนย์ เชื่อม Smart Contracts กับข้อมูลโลกจริงอย่างปลอดภัย   9. Stellar (XLM)บล็อกเชนด้านการชำระเงิน โอนข้ามพรมแดนเร็ว ต้นทุนต่ำ มุ่งเน้น Financial Inclusion   10. Avalanche (AVAX)Layer-1 ประสิทธิภาพสูง Finality เสี้ยววินาที พร้อมสถาปัตยกรรม Subnets สำหรับงานเฉพาะทาง   ในเชิงสากล เหรียญกลุ่มนี้ถูกมองว่าเป็น “Blue Chips ของอุตสาหกรรมคริปโท” เนื่องจากมีความมั่นคงเชิงโครงสร้างมากกว่าโปรเจกต์ขนาดเล็ก ทั้งในด้านขนาดเครือข่าย ผู้ใช้งานจริง ระยะเวลาการดำเนินงาน และการสนับสนุนจากผู้พัฒนา อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดิจิทัลยังคงมีความเสี่ยง นักลงทุนจึงต้องประเมินปัจจัยพื้นฐานควบคู่กับสภาวะตลาดอย่างรอบคอบ
3 Dec 25|By InnovestX Wealth Products & Strategy
Cafe Image
Digital AssetsStrategy อาจพิจารณา “ขาย Bitcoin” หากเข้า 2 เงื่อนไข สถานการณ์ทางการเงินเริ่มกดดันโครงสร้างทุนของบริษัทStrategy อาจพิจารณา “ขาย Bitcoin” หากเข้า 2 เงื่อนไข สถานการณ์ทางการเงินเริ่มกดดันโครงสร้างทุนของบริษัทบริษัท Strategy บริษัทมหาชนผู้ถือ Bitcoin มากที่สุดในโลก  แม้จะเน้นย้ำมาตลอดว่าจะไม่ขาย Bitcoin และต้องการเพิ่ม BTC ต่อหุ้นในระยะยาว แต่ล่าสุด Phong Le CEO ของ Strategy ได้เปิดเงื่อนไขสำคัญสองประการที่อาจทำให้บริษัทจำเป็นต้องขาย BTC ตามเงื่อนไขดังนี้ เมื่อ ราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่า NAV (mNAV < 1) เมื่อ บริษัทไม่สามารถระดมทุนเพิ่มได้ นักลงทุนจึงควรจับตาทั้ง mNAV และสภาวะการระดมทุนควบคู่ไปกับทิศทางราคา Bitcoin เพื่อประเมินความเสี่ยงโดยรวมได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
3 Dec 25|By InnovestX Wealth Products & Strategy
China Flag
ลงทุนก้าวแรกทำความรู้จักหุ้นเด่นใน DR CHNXT5023: โอกาสบนเศรษฐกิจใหม่จีนทำความรู้จักหุ้นเด่นใน DR CHNXT5023: โอกาสบนเศรษฐกิจใหม่จีนในช่วงที่เศรษฐกิจจีนกำลังเปลี่ยนผ่านจาก Old Economy ที่เน้นอสังหาฯ และการผลิตแบบดั้งเดิม ไปสู่ New Economy ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดัชนี ChiNext 50 จึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเวทีสำคัญของบริษัทจีนยุคใหม่ที่เติบโตเร็วและลงทุนด้าน R&D สูงอย่างต่อเนื่อง ดัชนีนี้คัดเลือก 50 บริษัทชั้นนำบนกระดาน ChiNext ซึ่งเป็นตลาดหุ้นสำหรับบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมของจีน โดยเน้นบริษัทที่มีชื่อเสียง มาร์เก็ตแคปใหญ่ และมีสภาพคล่องสูง ทำให้นักลงทุนสามารถใช้ดัชนีนี้เป็นตัวแทนของเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่จีนได้อย่างค่อนข้างดี จุดเด่นสำคัญของ ChiNext 50 คือการกระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรมภายใต้ธีม New Economy แตกต่างจากดัชนีเทคโนโลยีจีนบางตัว เช่น STAR50 ที่มีน้ำหนักกระจุกตัวอย่างมากในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ดัชนี ChiNext 50 กระจายพอร์ตไปในหลายกลุ่มตั้งแต่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV), ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในโรงงาน (Automation), สุขภาพและอุปกรณ์การแพทย์ (Healthcare), พลังงานแสงอาทิตย์ ไปจนถึง Fintech และแพลตฟอร์มดิจิทัล ช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับนโยบายสนับสนุน New Economy ของรัฐบาลจีน ในขณะที่กระจายความเสี่ยงระหว่างหลายอุตสาหกรรมที่กำลังโตระยะยาว ด้านโครงสร้างตลาด ChiNext เองก็มีฐานที่แข็งแกร่ง โดยกระดาน ChiNext เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 2009 ในฐานะตลาดหลักสำหรับบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรม และดัชนี ChiNext 50 ถูกจัดตั้งในปี 2014 เพื่อรวบรวมบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงบนกระดานนี้ ปัจจุบันจึงถือเป็นดัชนีเรือธงของหุ้นนวัตกรรมจีน ซึ่งช่วยสะท้อนภาพรวมของบริษัทเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างจริงจัง หากมองจากผลการดำเนินงานย้อนหลัง ChiNext 50 เคยให้ผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนีตลาดหลักของจีนอย่าง CSI300 โดยมีค่า Upside Capture Ratio ที่สูงกว่า สะท้อนว่าดัชนีมีแนวโน้มเก็บผลตอบแทนได้ดีกว่าเมื่อเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น และชี้ให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของบริษัทในกลุ่ม New Economy เหล่านี้ ขณะเดียวกัน มูลค่าปัจจุบันของดัชนีในมุม Forward P/E อยู่ราว 26 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ประมาณ 30 เท่า บ่งชี้ว่า Downside risk ถูกจำกัดมากกว่าช่วงที่เทรดแพงกว่าค่าเฉลี่ย และยังเปิดโอกาสให้เกิด Upside เพิ่มเติมเมื่อ Sentiment ต่อหุ้นจีนปรับดีขึ้นในอนาคต สำหรับนักลงทุนที่สนใจเข้าถึงธีมเศรษฐกิจใหม่ของจีน Invesco Great Wall ChiNext 50 ETF (CHNXT5023) ครอบคลุม 50 บริษัทชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น แบตเตอรี่ EV, Fintech, Automation, อุปกรณ์การแพทย์, พลังงาน Solar และ Biotechnology ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ใจกลางการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจจีนจาก Old Economy สู่ New Economy บทความฉบับเต็มเกี่ยวกับ CHNXT5023 และบทความบรรยากาศงานวันเปิดตัวของ DR CHNXT5023 สามารถเข้าถึงได้ผ่านลิงก์นี้: บทความ CHNXT5023 บทความบรรยากาศงานวันเปิดตัวของ DR CHNXT5023
3 Dec 25|By InnovestX Wealth Products & Strategy
Crypto Currency
Digital Assetsเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีขนาดใหญ่ (Big Cap) : เหรียญยักษ์ใหญ่ของตลาดคืออะไร? มีตัวไหนเด่น? ทำไมนักลงทุนสถาบันถึงให้ความสนใจเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีขนาดใหญ่ (Big Cap) : เหรียญยักษ์ใหญ่ของตลาดคืออะไร? มีตัวไหนเด่น? ทำไมนักลงทุนสถาบันถึงให้ความสนใจBig Cap หมายถึง เหรียญคริปโทเคอร์เรนซีขนาดใหญ่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) มากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหรียญกลุ่มนี้มักมี สภาพคล่องสูง, ความผันผวนต่ำกว่าเหรียญ Mid และ Small Cap อีกทั้งได้รับการยอมรับในวงกว้างทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก เช่น    1. Bitcoin (BTC)คริปโทแรกบนบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ ใช้ Proof-of-Work จำนวนจำกัด 21 ล้านเหรียญ ถูกมองเป็น “ทองคำดิจิทัล”   2. Ethereum (ETH)บล็อกเชนชั้นนำรองรับ Smart Contracts และ DeFi ใช้ Proof-of-Stake และเป็นศูนย์กลางมาตรฐาน ERC-20 / ERC-721   3. BNB (BNB)โทเคนประจำ BNB Chain และระบบนิเวศ Binance ใช้ชำระค่าธรรมเนียม รับส่วนลด และเป็น Gas Token   4. Solana (SOL)บล็อกเชน Layer-1 ความเร็วสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ เหมาะกับ DeFi, NFT และ Memecoin   5. Ripple (XRP)โทเค็นเพื่อการชำระเงินข้ามพรมแดน โอนเงินเร็ว ต้นทุนต่ำ และช่วยจัดหาสภาพคล่อง   6. Cardano (ADA)บล็อกเชน Layer-1 ที่ใช้แนวทางวิจัย Peer-Reviewed ใช้ Proof-of-Stake เน้นความปลอดภัยและความยั่งยืน   7. Bitcoin Cash (BCH)สกุลเงินดิจิทัลแบบ Peer-to-Peer จาก Hard Fork ของ Bitcoin เพิ่มขนาดบล็อกเพื่อทำธุรกรรมเร็วและถูก   8. Chainlink (LINK)เครือข่าย Oracle แบบกระจายศูนย์ เชื่อม Smart Contracts กับข้อมูลโลกจริงอย่างปลอดภัย   9. Stellar (XLM)บล็อกเชนด้านการชำระเงิน โอนข้ามพรมแดนเร็ว ต้นทุนต่ำ มุ่งเน้น Financial Inclusion   10. Avalanche (AVAX)Layer-1 ประสิทธิภาพสูง Finality เสี้ยววินาที พร้อมสถาปัตยกรรม Subnets สำหรับงานเฉพาะทาง   ในเชิงสากล เหรียญกลุ่มนี้ถูกมองว่าเป็น “Blue Chips ของอุตสาหกรรมคริปโท” เนื่องจากมีความมั่นคงเชิงโครงสร้างมากกว่าโปรเจกต์ขนาดเล็ก ทั้งในด้านขนาดเครือข่าย ผู้ใช้งานจริง ระยะเวลาการดำเนินงาน และการสนับสนุนจากผู้พัฒนา อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดิจิทัลยังคงมีความเสี่ยง นักลงทุนจึงต้องประเมินปัจจัยพื้นฐานควบคู่กับสภาวะตลาดอย่างรอบคอบ
3 Dec 25|By InnovestX Wealth Products & Strategy
Digital Asset
Digital AssetsStrategy อาจพิจารณา “ขาย Bitcoin” หากเข้า 2 เงื่อนไข สถานการณ์ทางการเงินเริ่มกดดันโครงสร้างทุนของบริษัทStrategy อาจพิจารณา “ขาย Bitcoin” หากเข้า 2 เงื่อนไข สถานการณ์ทางการเงินเริ่มกดดันโครงสร้างทุนของบริษัทบริษัท Strategy บริษัทมหาชนผู้ถือ Bitcoin มากที่สุดในโลก  แม้จะเน้นย้ำมาตลอดว่าจะไม่ขาย Bitcoin และต้องการเพิ่ม BTC ต่อหุ้นในระยะยาว แต่ล่าสุด Phong Le CEO ของ Strategy ได้เปิดเงื่อนไขสำคัญสองประการที่อาจทำให้บริษัทจำเป็นต้องขาย BTC ตามเงื่อนไขดังนี้ เมื่อ ราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่า NAV (mNAV < 1) เมื่อ บริษัทไม่สามารถระดมทุนเพิ่มได้ นักลงทุนจึงควรจับตาทั้ง mNAV และสภาวะการระดมทุนควบคู่ไปกับทิศทางราคา Bitcoin เพื่อประเมินความเสี่ยงโดยรวมได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
3 Dec 25|By InnovestX Wealth Products & Strategy
1/3
Most Read
1/5
Market Chronicles
เรื่องราวสำคัญในประวัติศาสตร์ตลาดการเงินและการลงทุน ย้อนรอยวิกฤตการเงินโลก ประวัติหุ้นต่างประเทศที่น่าสนใจ และเรื่องราวของบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่เปลี่ยนแปลงโลกการลงทุน เรียนรู้บทเรียนจากอดีตเพื่อเป็นแนวทางการลงทุนในอนาคต
Easy Finance
ความรู้ด้านการเงินและการลงทุนสำหรับมือใหม่ เข้าใจง่าย สามารถนำไปใช้ได้จริง
China Flag
ลงทุนก้าวแรกทำความรู้จักหุ้นเด่นใน DR CHNXT5023: โอกาสบนเศรษฐกิจใหม่จีนทำความรู้จักหุ้นเด่นใน DR CHNXT5023: โอกาสบนเศรษฐกิจใหม่จีนในช่วงที่เศรษฐกิจจีนกำลังเปลี่ยนผ่านจาก Old Economy ที่เน้นอสังหาฯ และการผลิตแบบดั้งเดิม ไปสู่ New Economy ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดัชนี ChiNext 50 จึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเวทีสำคัญของบริษัทจีนยุคใหม่ที่เติบโตเร็วและลงทุนด้าน R&D สูงอย่างต่อเนื่อง ดัชนีนี้คัดเลือก 50 บริษัทชั้นนำบนกระดาน ChiNext ซึ่งเป็นตลาดหุ้นสำหรับบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมของจีน โดยเน้นบริษัทที่มีชื่อเสียง มาร์เก็ตแคปใหญ่ และมีสภาพคล่องสูง ทำให้นักลงทุนสามารถใช้ดัชนีนี้เป็นตัวแทนของเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่จีนได้อย่างค่อนข้างดี จุดเด่นสำคัญของ ChiNext 50 คือการกระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรมภายใต้ธีม New Economy แตกต่างจากดัชนีเทคโนโลยีจีนบางตัว เช่น STAR50 ที่มีน้ำหนักกระจุกตัวอย่างมากในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ดัชนี ChiNext 50 กระจายพอร์ตไปในหลายกลุ่มตั้งแต่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV), ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในโรงงาน (Automation), สุขภาพและอุปกรณ์การแพทย์ (Healthcare), พลังงานแสงอาทิตย์ ไปจนถึง Fintech และแพลตฟอร์มดิจิทัล ช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับนโยบายสนับสนุน New Economy ของรัฐบาลจีน ในขณะที่กระจายความเสี่ยงระหว่างหลายอุตสาหกรรมที่กำลังโตระยะยาว ด้านโครงสร้างตลาด ChiNext เองก็มีฐานที่แข็งแกร่ง โดยกระดาน ChiNext เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 2009 ในฐานะตลาดหลักสำหรับบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรม และดัชนี ChiNext 50 ถูกจัดตั้งในปี 2014 เพื่อรวบรวมบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงบนกระดานนี้ ปัจจุบันจึงถือเป็นดัชนีเรือธงของหุ้นนวัตกรรมจีน ซึ่งช่วยสะท้อนภาพรวมของบริษัทเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างจริงจัง หากมองจากผลการดำเนินงานย้อนหลัง ChiNext 50 เคยให้ผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนีตลาดหลักของจีนอย่าง CSI300 โดยมีค่า Upside Capture Ratio ที่สูงกว่า สะท้อนว่าดัชนีมีแนวโน้มเก็บผลตอบแทนได้ดีกว่าเมื่อเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น และชี้ให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของบริษัทในกลุ่ม New Economy เหล่านี้ ขณะเดียวกัน มูลค่าปัจจุบันของดัชนีในมุม Forward P/E อยู่ราว 26 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ประมาณ 30 เท่า บ่งชี้ว่า Downside risk ถูกจำกัดมากกว่าช่วงที่เทรดแพงกว่าค่าเฉลี่ย และยังเปิดโอกาสให้เกิด Upside เพิ่มเติมเมื่อ Sentiment ต่อหุ้นจีนปรับดีขึ้นในอนาคต สำหรับนักลงทุนที่สนใจเข้าถึงธีมเศรษฐกิจใหม่ของจีน Invesco Great Wall ChiNext 50 ETF (CHNXT5023) ครอบคลุม 50 บริษัทชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น แบตเตอรี่ EV, Fintech, Automation, อุปกรณ์การแพทย์, พลังงาน Solar และ Biotechnology ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ใจกลางการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจจีนจาก Old Economy สู่ New Economy บทความฉบับเต็มเกี่ยวกับ CHNXT5023 และบทความบรรยากาศงานวันเปิดตัวของ DR CHNXT5023 สามารถเข้าถึงได้ผ่านลิงก์นี้: บทความ CHNXT5023 บทความบรรยากาศงานวันเปิดตัวของ DR CHNXT5023
3 Dec 25|By InnovestX Wealth Products & Strategy
Cafe Image
ลงทุนก้าวแรกทำความรู้จักหุ้นเด่นใน DR CHNXT5023: โอกาสบนเศรษฐกิจใหม่จีนทำความรู้จักหุ้นเด่นใน DR CHNXT5023: โอกาสบนเศรษฐกิจใหม่จีนในช่วงที่เศรษฐกิจจีนกำลังเปลี่ยนผ่านจาก Old Economy ที่เน้นอสังหาฯ และการผลิตแบบดั้งเดิม ไปสู่ New Economy ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดัชนี ChiNext 50 จึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเวทีสำคัญของบริษัทจีนยุคใหม่ที่เติบโตเร็วและลงทุนด้าน R&D สูงอย่างต่อเนื่อง ดัชนีนี้คัดเลือก 50 บริษัทชั้นนำบนกระดาน ChiNext ซึ่งเป็นตลาดหุ้นสำหรับบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมของจีน โดยเน้นบริษัทที่มีชื่อเสียง มาร์เก็ตแคปใหญ่ และมีสภาพคล่องสูง ทำให้นักลงทุนสามารถใช้ดัชนีนี้เป็นตัวแทนของเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่จีนได้อย่างค่อนข้างดี จุดเด่นสำคัญของ ChiNext 50 คือการกระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรมภายใต้ธีม New Economy แตกต่างจากดัชนีเทคโนโลยีจีนบางตัว เช่น STAR50 ที่มีน้ำหนักกระจุกตัวอย่างมากในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ดัชนี ChiNext 50 กระจายพอร์ตไปในหลายกลุ่มตั้งแต่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV), ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในโรงงาน (Automation), สุขภาพและอุปกรณ์การแพทย์ (Healthcare), พลังงานแสงอาทิตย์ ไปจนถึง Fintech และแพลตฟอร์มดิจิทัล ช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับนโยบายสนับสนุน New Economy ของรัฐบาลจีน ในขณะที่กระจายความเสี่ยงระหว่างหลายอุตสาหกรรมที่กำลังโตระยะยาว ด้านโครงสร้างตลาด ChiNext เองก็มีฐานที่แข็งแกร่ง โดยกระดาน ChiNext เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 2009 ในฐานะตลาดหลักสำหรับบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรม และดัชนี ChiNext 50 ถูกจัดตั้งในปี 2014 เพื่อรวบรวมบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงบนกระดานนี้ ปัจจุบันจึงถือเป็นดัชนีเรือธงของหุ้นนวัตกรรมจีน ซึ่งช่วยสะท้อนภาพรวมของบริษัทเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างจริงจัง หากมองจากผลการดำเนินงานย้อนหลัง ChiNext 50 เคยให้ผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนีตลาดหลักของจีนอย่าง CSI300 โดยมีค่า Upside Capture Ratio ที่สูงกว่า สะท้อนว่าดัชนีมีแนวโน้มเก็บผลตอบแทนได้ดีกว่าเมื่อเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น และชี้ให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของบริษัทในกลุ่ม New Economy เหล่านี้ ขณะเดียวกัน มูลค่าปัจจุบันของดัชนีในมุม Forward P/E อยู่ราว 26 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ประมาณ 30 เท่า บ่งชี้ว่า Downside risk ถูกจำกัดมากกว่าช่วงที่เทรดแพงกว่าค่าเฉลี่ย และยังเปิดโอกาสให้เกิด Upside เพิ่มเติมเมื่อ Sentiment ต่อหุ้นจีนปรับดีขึ้นในอนาคต สำหรับนักลงทุนที่สนใจเข้าถึงธีมเศรษฐกิจใหม่ของจีน Invesco Great Wall ChiNext 50 ETF (CHNXT5023) ครอบคลุม 50 บริษัทชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น แบตเตอรี่ EV, Fintech, Automation, อุปกรณ์การแพทย์, พลังงาน Solar และ Biotechnology ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ใจกลางการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจจีนจาก Old Economy สู่ New Economy บทความฉบับเต็มเกี่ยวกับ CHNXT5023 และบทความบรรยากาศงานวันเปิดตัวของ DR CHNXT5023 สามารถเข้าถึงได้ผ่านลิงก์นี้: บทความ CHNXT5023 บทความบรรยากาศงานวันเปิดตัวของ DR CHNXT5023
3 Dec 25|By InnovestX Wealth Products & Strategy
Investment Mindset
แนวคิดการลงทุนต่างๆ ที่สามารถปรับใช้กับการลงทุนแต่ละบุคคลได้
รู้จักผลิตภัณฑ์ลงทุน
เข้าใจกลไกการทำงานของตลาดการเงิน รู้จักผลิตภัณฑ์ และ วิธีเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ บทความนี้มีข้อมูลที่จะช่วยยกระดับความรู้ทางการเงินของคุณ
Personal Income TAX
ให้เรื่องจัดการภาษีเป็นเรื่องง่าย กับบทความหลากหลายวิธีจัดการภาษีที่ควรรู้!
Investment TAX
ภาษีจากการลงทุนไม่ว่าจะในประเทศ หรือต่างประเทศ สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มต้นลงทุน!