จัดการภาษีส่วนบุคคล

แนวทางการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีสำหรับวัยทำงาน

13 Feb 25 2:39 PM
ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีสำหรับวัยทำงาน
สรุปสาระสำคัญ

เข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีแบบนี้ สิ่งที่วัยทำงานอย่างเราจะลืมไปไม่ได้ ก็คือการวางแผนลดหย่อนภาษี ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยม ก็คือการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี ที่มีให้เลือกมากมาย ทั้ง SSF, RMF หรือ Tha iESG 

วันนี้เราจะมาสรุปแนวทางการลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน SSF, RMF และ Thai ESG มาดูกันว่ากองทุนทั้ง 2 ประเภทต่างกันอย่างไร และควรซื้อเท่าไหร่เพื่อให้เราลดหย่อนภาษีได้อย่างคุ้มค่า 

ผู้หญิงเก็บออมเงินเพื่อซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี

 

ประโยชน์ที่จะได้จากการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี

  

  • ช่วยให้มีเงินเหลือมากขึ้นในแต่ละปี และสามารถวางแผนการเงินได้ดีขึ้น

การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีจะช่วยให้เราประหยัดภาษีได้มากขึ้น เพราะเงินที่นำไปลงทุนสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งจะช่วยให้เรามีเงินเหลือมากขึ้นในแต่ละปี และสามารถนำไปต่อยอดการลงทุน เก็บเป็นเงินออม หรือใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ การที่กองทุนมีเงื่อนไขการถือครองระยะยาว ยังช่วยให้เรามีวินัยในการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ และวางแผนการเงินในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น

  • มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน

นอกเหนือไปจากสิทธิประโยชน์ทางภาษี การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษียังเปิดโอกาสให้เราได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยกองทุนเหล่านี้บริหารโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพที่มีประสบการณ์ มีการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง และด้วยการลงทุนระยะยาว เราจึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินทั่วไป รวมถึงได้ประโยชน์จากการทบต้นของผลตอบแทนอีกด้วย

  

เปรียบเทียบกองทุนลดหย่อนภาษี SSF, RMF และ ThaiESG : ซื้อได้เท่าไร ลดหย่อนภาษีได้เท่าไรบ้าง ?

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF

กองทุน RMF คือ กองทุนรวมที่ช่วยให้ผู้ลงทุนได้ออมเงินไว้ใช้จ่ายในยามที่เกษียณอายุ โดยมีเงื่อนไขที่ส่งเสริมการออมระยะยาวอย่างต่อเนื่อง

  

  • เน้นการลงทุนระยะยาวจนถึงวัยเกษียณ
  • ถือครองจนอายุครบ 55 ปี และลงทุนต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี
  • ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี รวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับการลดหย่อนกลุ่มเกษียณอื่น ๆ

  

กองทุนรวมเพื่อการออม SSF

กองทุน SSF คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการออมในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนภาษีและการลงทุนระยะยาว แต่ไม่ต้องการข้อผูกมัดในการลงทุนต่อเนื่องทุกปี

  

  • เน้นการออมระยะยาวแบบยืดหยุ่น
  • ไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี สามารถเลือกลงทุนเฉพาะในปีที่ต้องการได้
  • ถือครองอย่างน้อย 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ (ซื้อได้ปีสุดท้าย คือ พ.ศ. 2567 สำหรับเกณฑ์ใหม่จากนี้ให้ติดตามประกาศเพิ่มเติมจากกระทรวงการคลัง)
  • ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับการลดหย่อนกลุ่มเกษียณอื่น ๆ แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

  

กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน Thai ESG

กองทุน Thai ESG คือ กองทุนรวมที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีการดำเนินงานตามหลักสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, and Governance – ESG) เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม

  

  • เน้นการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์ที่ผ่านเกณฑ์ ESG
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจที่มีจริยธรรมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • มีเงื่อนไขการถือครองที่แตกต่างกันไปตามกองทุน ควรศึกษาข้อมูลของแต่ละกองทุนก่อนลงทุน
  • ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 100,000 บาท โดยเมื่อรวมกับการลดหย่อนในกลุ่มกองทุน SSF, RMF และกลุ่มเกษียณอื่น ๆ แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

    

การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเพื่อรับผลตอบแทนจากการลงทุน

    

รายได้เท่านี้ ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีได้เท่าไร ?

สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า เราสามารถซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ ? อันดับแรก เริ่มจากการทำความเข้าใจเงื่อนไขของการลดหย่อนภาษีกันก่อน

  

การลงทุนในกองทุน RMF มีเงื่อนไขว่า เราสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี โดยต้องนำไปรวมกับเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นอกจากนี้ เรายังจำเป็นต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเว้นได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน

  

สำหรับกองทุน SSF เราสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเช่นกัน แต่มีเพดานสูงสุดอยู่ที่ 200,000 บาท ข้อดีคือไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี เพราะเราสามารถเลือกลงทุนในปีที่ต้องการได้ โดยการลงทุน RMF และ SSF เมื่อนำรวมกับกลุ่มลดหย่อนเกษียณอื่น ๆ แล้ว เช่น PVD, กบข., กอช., ประกันบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

  

กองทุน Thai ESG สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่มีเพดานสูงสุดที่ 100,000 บาท ข้อดีของกองทุนประเภทนี้คือ ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมได้ โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขการลงทุนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การถือครองกองทุนต้องไม่น้อยกว่า 8 ปี เมื่อนับจากวันที่ซื้อ และเมื่อนำไปรวมกับการลดหย่อนในกองทุน SSF, RMF และกลุ่มลดหย่อนเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

  

ดังนั้น สิ่งแรกที่ควรทำคือการประเมินรายได้ทั้งปีของตัวเอง โดยรวมทั้งรายได้ประจำและรายได้เสริมต่าง ๆ จากนั้นให้หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ เพื่อคำนวณภาษีที่คาดว่าต้องจ่าย

  

นอกจากนี้ การประเมินสภาพคล่องทางการเงินก็สำคัญไม่แพ้กัน ก่อนตัดสินใจซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี เราควรมีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน โดยพิจารณาจากภาระหนี้สินที่มีอยู่ และประเมินค่าใช้จ่ายทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อวางแผนการลงทุนระยะยาวได้อย่างมั่นคง

  

ข้อควรรู้ก่อนซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี :

กองทุนลดหย่อนภาษีเป็นการลงทุนระยะยาว หากขายก่อนครบกำหนด อาจต้องเสียภาษีคืนพร้อมค่าปรับ ดังนั้น เราจึงต้องวางแผนการเงินให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

  

เมื่อนักลงทุนสามารถตัดสินใจเลือกลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีได้แล้ว ก็สามารถซื้อกองทุนรวมผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX เพียงดาวน์โหลดและเปิดบัญชีลงทุนฟรี! ได้ทั้งบน App Store, Google Play Store และ Huawei AppGallery และ Android สามารถลงทุนกองทุนรวมได้กว่า 2,000 กองทุน จาก 21 บลจ. พร้อมเสิร์ฟข้อมูลกองทุนให้ครบและง่าย กับ Invest Ideas ไอเดียลงทุนที่ InnovestX คัด และ เคาะกองทุนที่น่าสนใจลงทุนมาให้ครบทั้ง INVX Top Picks กองทุนแนะนำตามกลยุทธ์ลงทุน และ INVX Selection กองทุนเด่นตามประเภทกองทุนรวมมาให้ในแอป

  

คำเตือน

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

  

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF). สืบค้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.itax.in.th/pedia/กองทุน-rmf/
  2. กองทุนรวมเพื่อการออม (กองทุน SSF). สืบค้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.itax.in.th/pedia/ssf/
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5