💸 Thai ESGX กองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ที่ลงทุนได้สูงสุด 900,000 บาท 🤑

(เมื่อรวมกับ Thai ESG ปกติ)

 

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 รัฐบาลได้อนุมัติให้จัดตั้งกองทุนใหม่ชื่อ "Thai ESG Extra" หรือ "Thai ESGX"

📌ทำไมกองทุน Thai ESGX ถึงน่าสนใจ?

เพราะเป็นกองทุนที่ให้สิทธิลงทุนลดหย่อนภาษีพิเศษมากกว่าปีก่อนๆ โดยที่ในปี 2568 นี้ คุณอาจได้ลดหย่อนภาษีสูงถึง 900,000 บาท!

 

 

📌ทำไมรัฐบาลถึงออกกองทุน Thai ESGX?

เหตุผลหลักๆ มี 2 ข้อ

1. แก้ปัญหาภาวะตลาดหุ้นไทย - ในปีนี้ กองทุน LTF ทั้งหมด ครบกำหนดการถือครอง ทำให้คนอาจขายกองทุน LTF ที่ลงทุนในหุ้นไทยออกมากัน เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นปีนี้
2. ส่งเสริมการลงทุนแบบยั่งยืน - รัฐบาลอยากส่งเสริมให้คนไทยได้ลงทุนในบริษัทที่ดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการบริหารจัดการที่ดี (ESG)

 

📌Thai ESGX ลงทุนในอะไร?

กองทุนนี้จะลงทุนในหุ้นของบริษัทไทยที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการบริหารจัดการที่ดี อย่างน้อย 65% ของเงินในกองทุน

 

 

📌สิทธิพิเศษทางภาษีของ Thai ESGX

 

สามารถลงทุนได้ 2 แบบ:

 

แบบที่ 1: สำหรับคนที่ใช้เงินใหม่ซื้อ
• ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมิน หรือ ไม่เกิน 300,000 บาท
• ต้องซื้อในช่วง 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
• ถือไว้อย่างน้อย 5 ปี (วันชนวัน)

 

แบบที่ 2: สำหรับคนที่มี LTF อยู่แล้ว
• โอน LTF ทั้งหมดที่มีอยู่ ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 มาเข้า Thai ESGX
• ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท แบ่งเป็น: 
o ปีแรก (2568) ลดหย่อนได้ 300,000 บาท
o อีก 4 ปีถัดไป ลดหย่อนได้ปีละ 50,000 บาท (รวม 200,000 บาท)
• ต้องโอนภายในช่วง 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
• ต้องถือไว้อย่างน้อย 5 ปี (วันชนวัน) นับจากวันที่โอน

 

 

📌 Thai ESG ปกติมีวงเงินลงทุนได้อีก 300,000 ด้วย

นอกจากสิทธิของ Thai ESGX แล้ว คุณยังสามารถลงทุนในกองทุน Thai ESG แบบปกติ ที่มีอยู่แล้วได้อีก 300,000 บาท ซึ่งจะทำให้ในปี 2568 นี้ คุณมีสิทธิลดหย่อนภาษีรวมสูงสุดถึง 900,000 บาท!

 

📌ตอบคำถามที่คนสงสัยบ่อย (FAQ)

 

• ถ้ามี LTF ต้องโอนทั้งหมดไหม?
  - ต้องโอนทั้งหมดทุกกอง ทุกบริษัทจัดการ (บลจ.) ไม่สามารถเลือกโอนเฉพาะบางส่วนได้
• ถ้ามี LTF น้อยกว่า 500,000 บาท จะได้สิทธิลดหย่อนเท่าไร?
  - ได้ตามจำนวนเงินที่โอนมาจริง เช่น มี LTF 300,000 บาท ก็ได้สิทธิลดหย่อนแค่ 300,000 บาท
• ถ้ามี LTF มากกว่า 500,000 บาท ส่วนที่เกินจะเป็นอย่างไร?
  - ส่วนที่เกิน 500,000 บาท จะไม่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี แต่ยังต้องถือไว้ครบ 5 ปีเหมือนเดิม
  
  
• ถ้าขาย LTF ไปแล้วหลังวันที่ 11 มีนาคม 2568 จะได้สิทธิไหม?
  - หากเกิดธุรกรรม ขาย หรือ สับเปลี่ยน LTF หลัง 11 มีนาคม 2568 จะไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากวงเงินโอน LTF เข้า Thai ESGX ได้ แต่ยังคงมีสิทธิซื้อ Thai ESGX ใหม่ในวงเงิน 300,000 บาท
• ไม่จำเป็นต้องโอน LTF เข้า Thai ESGX ใช่ไหม?
  - ถูกต้อง ไม่บังคับ แต่ถ้าไม่โอน LTF จะถูกเปลี่ยนเป็นกองทุนผสมปกติ และไม่ได้สิทธิลดหย่อนภาษีพิเศษนี้

 

📌แล้วควรทำอย่างไรดี?

 

สำหรับคนที่มี LTF และยังไม่ได้ขาย

• ถ้าอยากได้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่ม ให้โอน LTF ทั้งหมดไปยัง Thai ESGX ในช่วง 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568
• สำหรับคนที่ไม่มี LTF หรือขาย LTF ไปแล้ว
• สามารถซื้อ Thai ESGX ด้วยเงินใหม่ในช่วง 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษี 300,000 บาท

 

สำหรับทุกคน

พิจารณาลงทุนในกองทุน Thai ESG ปกติได้ 300,000 บาท ซึ่งมีหลายตัวให้เลือกตามความเสี่ยงสามารถที่รับได้ เช่น:

• กองทุนความเสี่ยงต่ำ: KKP GB THAI ESG (เน้นลงทุนในตราสารหนี้ไทย)
• กองทุนความเสี่ยงปานกลาง: SCBTM(ThaiESGA) (กองทุนผสมหุ้นไทย และตราสารหนี้ไทย)
• กองทุนความเสี่ยงต่ำ: ASP-ThaiESG (หุ้นไทย Active) หรือ K-TNZ-THAIESG (หุ้นไทย Passive)

 

 

📌สรุป

 

Thai ESGX เป็นโอกาสดีสำหรับคนที่ต้องการลดหย่อนภาษี โดยเฉพาะผู้ที่มี LTF อยู่แล้ว แต่ต้องตัดสินใจเร็ว เพราะมีเวลาให้ลงทุนแค่ 2 เดือนเท่านั้น (1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568)

อย่าลืมว่า ถึงแม้จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีแต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนด้วย ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน

 

โดย Content Team, InnovestX

 

---------------

ลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษี แบบครบจบที่เดียว ได้ที่ InnovestX
(RMF, Thai ESG และ Thai ESGX*)

📱ดาวโหลดและเปิดบัญชี คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/u2qmpt6r

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษี ในหนังสือชี้ชวนกองทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อไม่พลาดหรือผิดกฏระเบียบการลดหย่อนภาษี