Keyword
PDF Available  
Special Report

กลยุทธ์การลงทุน - ภายใต้ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ซึ่งกดดันสินทรัพย์เสี่ยง

13 Jun 25 4:49 PM
สรุปสาระสำคัญ

ภายใต้สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน INVX มองว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทยไม่มากนัก เนื่องจากไม่ใช่คู่ค้าหลักของไทย แต่อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกผันผวนสูงขึ้น โดยกลยุทธ์ลงทุนที่น่าสนใจจะแบ่งเป็น 1) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรหากสถานการณ์ยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น แนะนำหุ้นพลังงานและโรงกลั่นซึ่งได้ประโยชน์จากทางตรงหรือทางอ้อมจากราคาพลังงานที่ปรับขึ้น ได้แก่ PTTEP BCP PTT  และ 2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการป้องกันความเสี่ยงจากสงครามในตะวันออกกลาง แนะนำ หุ้น Defensive ซึ่งมีรายได้มั่นคงไม่ผันผวนไปตามเศรษฐกิจ หรือได้รับผลกระทบจำกัด ได้แก่ ADVANC BCH DIF GULF CPALL

  • เช้านี้ (13 มิ.ย. 68) กองทัพอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ต่อโครงการนิวเคลียร์และฐานยิงขีปนาวุธของอิหร่าน ขณะที่อิหร่านเผยเตรียมจะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลอย่างรุนแรงและเด็ดขาด ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก (ปิดเช้าตลาดหุ้นเอเชียและตลาดฟิวเจอร์ปรับตัวลงเฉลี่ย 0.5%DoD และ 1.2%DoD ขณะที่ราคาน้ำมันและทองคำปรับขึ้น 7%DoD และ 1.3%DoD ตามลำดับ) ทั้งนี้ INVX มองว่า แม้ระยะสั้นจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทยไม่มากนัก เนื่องจากไม่ใช่คู่ค้าหลักของไทย แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกผันผวนสูงขึ้น โดย 1) ราคาน้ำมันดิบโลกจะปรับขึ้น จากกังวอุปทานน้ำมัน เนื่องจากอิหร่านเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 9-10 ของโลกและอันดับ 4 ของ OPEC 2) ตลาดหุ้นอาจเกิดแรงขายลดความเสี่ยงจากกังวลเงินเฟ้อสูงขึ้น และ 3) เกิดการโยกเงินสดจากสินทรัพย์เสี่ยงไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) อาทิ ราคาทองคำจะปรับขึ้น, เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) จะแข็งค่า และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) จะปรับลง
  • แม้ในอดีตกรณีเกิดสงครามในตะวันออกกลางซึ่งสถานการณ์ไม่ยืดเยื้อพบ SET จะปรับลงแรงวันแรกราว 1.4%DoD และจะพลิกมีผลตอบแทนเป็นบวกได้ในวันทำการที่ 5 แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินสถานการณ์ข้างต้นว่าจะยืดเยื้อหรือจบเร็ว โดยมองยังเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตาม อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น คาดจะกระทบต่อการดำเนินงานของแต่ละอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1) กลุ่มที่ได้ผลกระทบเชิงบวก ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และ 2) กลุ่มที่ได้ผลกระทบเชิงลบ ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่ม รพ. ระดับบน ซึ่งจะได้รับผลลบจากการชะลอการเดินทางท่องเที่ยวและการเข้ารักษาโรคไม่เร่งด่วน, กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่จะมีต้นทุนก๊าซสูงขึ้น ส่งผลทำให้ SPP margin ลดลด และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จากต้นทุนวัตถุดิบ อาทิ ทองคำ และทองแดง อาจสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5