PDF Available  
กลยุทธ์การลงทุนรายไตรมาส

กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 3Q25 – Thai-tanic effort

11 Jun 25 1:11 PM
สรุปสาระสำคัญ

หุ้นเด่นของเราใน 3Q25 – BCH, CPF, DIF, MTC, SCC
เลือกหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี

จากการวิเคราะห์ของเราพบว่ามีหุ้นที่มีลักษณะสำคัญ 5 อย่างที่เราเชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดใน 3Q25

1) บริษัทที่มีงบดุลแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถรับมือต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความท้าทายที่หลากหลายได้

2) กลุ่มหุ้นเชิงรับและมีรายได้จากตลาดภายในประเทศในสัดส่วนสูง ซึ่งสามารถป้องกันความผันผวนจากภายนอกได้ และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง

3) Large-cap ที่มี valuation สมเหตุสมผลและกำไรเติบโต ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและวงจรขาขึ้นของอุตสาหกรรม

4) ได้ประโยชน์จากโมเมนตัมเชิงบวกของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

5)ได้ประโยชน์จากความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลกและแรงกดดันจากภาษีนำเข้าที่ลดน้อยลง

ช่วงเลวร้ายที่สุดผ่านไปแล้ว สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ได้ผ่านจุดสูงสุดของความรุนแรงแล้ว โดยมีสัญญาณผ่อนคลายที่สำคัญ ได้แก่ ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ลดภาษีลงจาก 125% เหลือ 10% คำตัดสินของศาลการค้าสหรัฐฯ ที่ยุติภาษีครอบคลุม (Universal and Reciprocal Tariff) และประเทศไทยเดินหน้าเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ อย่างจริงจัง สัญญาณผ่อนคลายทั่วโลกเริ่มปรากฏ ขณะที่ไทยจะได้ประโยชน์จากต้นทุนการกู้ยืมระดับต่ำ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้รัฐบาลไทยระดมทุนเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เมื่อแรงกดดันจากภายนอกลดลง

 

เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง เศรษฐกิจโลกจะเติบโตชะลอลงประมาณ 0.8% จากผลกระทบของสงครามการค้า โดยเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น แม้ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกจะดีขึ้นชั่วคราวก่อนสงครามการค้าจะรุนแรง แต่ล่าสุดเริ่มแสดงสัญญาณชะลอลง โดยเฉพาะในยุโรปที่หดตัว ด้านเงินเฟ้อส่วนใหญ่ลดลงทั่วโลก ยกเว้นบางประเทศเช่น สหรัฐฯ ที่เริ่มแสดงสัญญาณ Stagflation ด้วยเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสู่ 3.0% ในครึ่งปีหลัง ทำให้นโยบายการเงินจะเป็น Policy Divergence มากขึ้น โดย Fed อาจต้องทำนโยบายการเงินตึงตัวต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางอื่นๆ จะผ่อนคลาย ส่วนจีนเผชิญภาวะเงินฝืด แม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นจากธนาคารกลางจีน

 

ประเทศไทยกำลังอยู่บนทางแยกสำคัญ ในกรณีฐาน (โอกาส 60%) GDP ไทยจะขยายตัว 1.4% โดยการส่งออกหดตัว -3.0% และมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิคในครึ่งหลังปี ส่วนกรณีดี (โอกาส 40%) หากการเจรจากับสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จและสถานการณ์โลกดีขึ้น GDP ไทยอาจขยายตัวได้ 1.7% โดยการส่งออกจะหดตัวเพียง -0.5% ดังนั้นเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคมจึงเป็นวันสำคัญที่จะชี้ชะตาทิศทางเศรษฐกิจไทย

 

ต้องใช้นโยบายเชิงรุก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ -0.57% และมีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น การลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอีกสองครั้งจึงไม่เพียงพอ สำหรับงบประมาณปี 2569 แม้จะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท แต่อาจไม่เพียงพอต่อการรับมือวิกฤต โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐที่ลดลง 7.3% ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้นทุนการกู้ยืมของไทยยังต่ำ (พันธบัตร 10 ปีที่ 1.86% เทียบสหรัฐฯ 4.00%) รัฐบาลควรพิจารณาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและสร้างรากฐานการเติบโตระยะยาว

 

ภายนอกคลี่คลาย ภายในอ่อนแอ ความตึงเครียดทางการค้าคลี่คลายลง โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ เป็นปัจจัยสนับสนุนจากภายนอก แต่ความท้าทายภายในประเทศยังคงอยู่จากความไม่แน่นอนทางการเมือง ความขัดแย้งชายแดน และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจน ปัจจัยภายนอกทำให้ตลาดปรับตัวลดลงถึงระดับต่ำสุด แต่แรงกดดันภายในประเทศจะขัดขวางไม่ให้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญจนกว่าจะเห็นความชัดเจน

 

การครอบงำของดอลลาร์คุกคามตลาดเกิดใหม่ ความแตกต่างของนโยบายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ให้มีช่วงต่างสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 โดยท่าทีระมัดระวังของ Fed แตกต่างกันอย่างมากกับท่าทีผ่อนคลายของ ECB และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชีย ปัจจัยเหล่านี้รวมกันอาจส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงดอลลาร์แข็งค่าและขัดขวางไม่ให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ แต่อาจจะส่งผลเชิงบวกต่อประเทศที่มีสัดส่วนจากการส่งออกมา

 

Downside จำกัด แต่การปรับตัวขึ้นแรงเป็นไปได้ยาก SET Index ปรับตัวลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว โดยมี downside risk จากปัจจัยภายนอกค่อนข้างจำกัด เนื่องจากอยู่ในภาวะ oversold และสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าลดลง แต่การปรับตัวขึ้นแรงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากจำเป็นต้องมีปัจจัยกระตุ้น 3 อย่างรวมกัน: การผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงรุกมากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ และสภาพคล่องที่ปรับตัวดีขึ้น เพื่อเบรคกรอบ sideways ขึ้นมา

 

เลือกหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เราเลือกหุ้นเด่นที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง คุณภาพสูง valuation สมเหตุสมผล และได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หุ้นเด่นสำหรับ 3Q25 ของเรา คือ BCH CPF DIF MTC และ SCC

 

The worst is behind us. Trade war intensity peaked with US-China tariffs slashed from 125% to 10%, a court ruling terminating universal tariffs and Thailand actively negotiating favorable terms. Global easing signals are emerging while Thailand benefits from ultra-low borrowing costs, positioning for an infrastructure-led recovery as external pressures finally subside

 

Global economy will slow down. Growth is decelerating 0.8% from the fallout of the trade war, Europe contracting with industrial production slowing, US stagflation emerging at 3.0% and China trapped in deflation despite stimulus. Monetary policy divergence is creating turbulence as the Fed tightens while others ease, signaling a synchronized global slowdown ahead.

 

Thailand at a critical crossroads. Base case (60% probability) is 1.4% GDP growth with exports down 3.0% and a potential technical recession. Positive scenario (40% probability) delivers 1.7% growth with only a 0.5% export decline if US negotiations succeed—making the July 9 deadline crucial for the economic trajectory

 

Aggressive policy action required. With Thailand's inflation at
-0.57% and recession risks mounting, the two more rate cuts expected will not be enough. The current Bt157bn stimulus will be insufficient against a drop of 7.3% in government investment. Thailand must leverage ultra-low borrowing costs (1.86% vs US 4.00%) for massive infrastructure spending to escape economic malaise

 

External relief and domestic weakness. Trade tensions easing upon US negotiations provide external support, yet domestic challenges persist via political uncertainty, border conflicts and a cloudy economic outlook. External factors offer a market floor, but internal headwinds prevent meaningful upside until domestic clarity emerges.

 

Dollar dominance in 2H25. Unprecedented policy divergence has driven US rates to the highest differential since 1994, with the Fed’s caution contrasting sharply against ECB accommodation and Asian easing. This powerful combination fuels dollar strength, limiting EM capital inflows, while benefitting EM countries with high exports.

 

Limited downside but uphill battle for strong rally. Thailand’s SET Index has found its floor with limited external downside risks from being oversold and easing trade tensions, but faces an uphill battle for a strong rally. A rally requires convergence of triple catalysts: aggressive monetary easing beyond current rate cuts, mega-project execution and improved liquidity to break persistent sideways trading patterns

 

More selective with favorable fundamentals. We focus on financially robust companies that are high quality, carry a reasonable valuation, gain from lower interest rate and from infrastructure investment. This gives us our 3Q25 top picks, which are: BCH, CPF, DIF, MTC and SCC.

 

Download PDF Click > INVX-Market-Strategy-3Q2025_E.pdf

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5