[Update] ระมัดระวังการเข้าลงทุนช่วงนี้ หลัง S&P500 ขึ้นแตะเป้าหมายที่ประเมินไว้
By INVX Investment Strategy
6 May 2025
หลังจากที่ดัชนี S&P 500 ฟื้นตัวราว 6% ถึงระดับเป้าหมายที่เราแนะนำไว้ในกลยุทธ์ก่อนหน้า (วันที่ 23 เม.ย. 2025) บ่งชี้ว่าโมเมนตัมระยะสั้นได้สะท้อนความคลายกังวลด้านนโยบายการค้าไปพอสมควรแล้ว ทั้งจากสัญญาณเชิงบวกของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และผลประกอบการสหรัฐฯ ที่ออกมาดีใน Q1/25
เรามองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มเข้าสู่ช่วงพักฐานจากปัจจัยต่อไปนี้
1. Valuation เริ่มตึงตัว: FWD PE ของ S&P 500 ขยับขึ้นใกล้เคียงระดับ 20.6 เท่า บน FWD EPS ที่ 274 แตะระดับบนของกรอบ Historical Range โดยระดับนี้เป็นระดับที่ Valuation ของ S&P500 ได้ Re-rate ไปล่วงหน้าพอสมควรแล้ว ทำให้ Upside อาจจำกัดจากนี้
2. ข่าวดีสะท้อนในราคาไปพอสมควร: การฟื้นตัวของดัชนีในช่วงที่ผ่านมาเกิดจาก Sentiment เชิงบวกที่มากระตุ้นหลังตลาดรับรู้ข่าวร้ายไปมากตั้งแต่ Reciprocal day เมื่อ 2 เม.ย.68 ก่อนหน้านี้ โดยปัจจัยบวกอย่างการเลื่อนขึ้นภาษีหรือท่าทีที่ผ่อนคลายของทรัมป์อาจหมดแรงหนุนใหม่ต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากนี้ อีกทั้ง ปัจจัยเสี่ยงระยะกลางยังคงอยู่ แม้มีความคืบหน้าในการเจรจา แต่รายละเอียดของข้อตกลงยังไม่ชัดเจน และท่าทีของปธน.ทรัมป์ ที่อาจกลับมา aggressive ได้ทุกเมื่อ หลังล่าสุดลั่นจะขึ้นภาษีเกี่ยวกับธุรกิจภาพยนตร์
3. ราคาปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน: ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นใกล้กับบริเวณแนวต้านที่สำคัญ 1) ใกล้เคียงเส้น 200 SMA 2) ใกล้ระดับ High เดิมในช่วงก่อนวัน Reciprocal day และ 3) แนวต้าน Fibonacci ที่ 61.8 ขณะที่ราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม Tech ที่วิ่งนำตลาดในช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อแรงขายทำกำไรมากขึ้นในระยะสั้น
4. ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ในไตรมาส 1/2025 แม้ออกมาเติบโตดีและสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แต่ยังคงเห็นการปรับประมาณการลง (Revise down) ของกำไรในไตรมาสถัดๆ ไปอยู่ ซึ่งอาจกดดัน Sentiment ของตลาดในระยะถัดไป
กลยุทธ์: สำหรับนักลงทุนที่ได้เข้าตามคำแนะนำของเราก่อนหน้า เราแนะนำทยอยทำกำไร (Take Profit) เพื่อบริหารความเสี่ยงในระยะสั้น ในกองทุน ETF ที่เราได้แนะนำไปอย่าง SPY, QQQ หรือ QLD ซึ่งได้วิ่งขึ้นแตะเป้าหมายที่กำหนดไว้แล้ว ขณะที่หากต้องการเก็งกำไรในช่วงตลาดพักฐานอาจหาจังหวะเทรด Inverse ETF ที่ชื่อ SDS (-2 เท่าของ S&P 500 Index) ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนได้ในช่วงที่ราคาดัชนีพักฐาน
อย่างไรก็ดี หากตลาดจะปรับขึ้นต่อในช่วงนี้เลยผิดจากที่เราประเมินข้างต้น จำเป็นต้องมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมเข้ามาสนับสนุน เช่น
• เฟดส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
• การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม โดยภาษีที่ตกลงกันต่ำกว่า 34% ซึ่งเป็นอัตราภาษีตอบโต้แรกที่สหรัฐฯ ประกาศต่อจีนในวันที่ 2 เม.ย. (ก่อนที่จะปรับพุ่งไป 145%)
• ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุนฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
หากเกิดสถานการณ์ดังกล่าว อาจเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการพิจารณาเข้าลงทุนอีกครั้ง ทั้งนี้ ยังคงเน้นเลือกลงทุนในตลาดหุ้น หรือ กลุ่มหุ้น quality ที่ยังมี Valuation ไม่ตึงตัวและมี Momentum เชิงบวก