Keyword
เคาะซื้อ Weekly strategy

[เคาะซื้อฉบับพิเศษ] Update สถานการณ์อิสราเอลโจมตีอิหร่าน (13 มิ.ย. 68)

By ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ|13 Jun 25 10:30 AM
เคาะซื้อ_Materials and Template
สรุปสาระสำคัญ

Update สถานการณ์อิสราเอลโจมตีอิหร่าน
by INVX Investment Strategy
13 มิ.ย. 68

อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศขนาดใหญ่ต่ออิหร่าน โดยมีเป้าหมายโจมตีศูนย์กลางโครงการนิวเคลียร์และโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของอิหร่าน ซึ่งรวมถึงโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่เมืองนาทานซ์และเป้าหมายสำคัญในกรุงเตหะราน มีรายงานว่าเกิดระเบิดรุนแรงหลายจุดในกรุงเตหะรานและฐานทัพทหารสำคัญ รวมถึงพื้นที่ที่พักของผู้บัญชาการระดับสูงของอิหร่าน

รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉินพิเศษ” ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมรับมือการตอบโต้จากอิหร่าน โดยคาดว่าจะมีการยิงขีปนาวุธและโดรนเข้ามาโจมตีอิสราเอลในอนาคตอันใกล้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศว่านี่คือ “ปฏิบัติการทางทหารที่มีเป้าหมายชัดเจน เพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามนิวเคลียร์จากอิหร่าน” และยืนยันว่าปฏิบัติการจะดำเนินต่อไปจนกว่าอิสราเอลจะมั่นใจว่าอิหร่านไม่สามารถสร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้

อิสราเอลให้เหตุผลว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการ “ป้องกันล่วงหน้า” หลังได้รับข่าวกรองว่าอิหร่านมีศักยภาพในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้ถึง 15 ลูกภายในไม่กี่วัน และมองว่าอิหร่านเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความอยู่รอดของอิสราเอล ปฏิบัติการครั้งนี้ยังเกิดขึ้นท่ามกลางการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งอิสราเอลไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่อิหร่านยังคงเดินหน้าอยู่.

สหรัฐฯ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ และให้ความสำคัญกับการปกป้องบุคลากรและฐานทัพในภูมิภาค ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นทันทีหลังข่าวการโจมตี และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงจากความกังวลต่อความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น

รายงานจากสื่ออิหร่านระบุว่า มีผู้เสียชีวิตทั้งพลเรือนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) รวมถึงความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ

Implication

เรามองว่าการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านในครั้งนี้ ได้สร้างความกังวลให้นักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่สถานการณ์อาจยกระดับสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าตลาดมีโอกาสฟื้นตัวภายใน 2–3 สัปดาห์ข้างหน้า หากความกังวลของนักลงทุนเริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะจากสัญญาณที่สหรัฐฯ ไม่สนับสนุนการโจมตีในครั้งนี้ ซึ่งลดความเสี่ยงที่สถานการณ์จะบานปลายกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ ทั้งนี้ หากอ้างอิงข้อมูลย้อนหลังในช่วง 85 ปีที่ผ่านมา พบว่าในกรณีที่เกิดความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ตลาดหุ้นมักสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ภายในระยะเวลาเฉลี่ยประมาณ 20 วัน

อย่างไรก็สินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ได้แก่ ทองคำ และตราสารหนี้ ที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้นจากความกังวลด้านอุทานและการปิดช่องแคบ Hormuz ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำมัน 26% ของโลก อาจถูกปิดหรือตกเป็นเป้าหมาย

คำแนะนำการลงทุน

เรามองว่า ตลาดหุ้นอาจได้รับผลกระทบในระยะสั้น แต่จะฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าตามค่าสถิติในอดีต โดยปรับตัวลดลงเฉลี่ย 4.5% ทั้งนี้เรามองการปรับตัวลดลงของตลาดเป็นโอกาสในการหาจังหวะเข้าสะสมหุ้นโดยเฉพาะหุ้นที่ยังคงมี Valuation ไม่แพง มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์คลี่คลายลง เช่น จีน เวียดนาม รวมถึงหุ้นในกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตของ EPS สูง เช่น อินเดีย

ในขณะที่นักลงทุนอาจพิจารณาเข้าซื้อทองคำเพิ่มเติม ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากความกังวลของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับการลงทุนระยะสั้น โดยสถิติในอดีตพบว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อราว 2 สัปดาห์ ราว 4% หลังเหตุการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์

ในด้านตราสารหนี้ต่างประเทศ เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนถือตราสารหนี้คุณภาพที่มีอายุไม่เกิน 5 ปีเพื่อรับประโยชน์จากความกังวลที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้ Bond Yield ปรับตัวลดลง

ในขณะที่เราประเมินว่าราคาน้ำมันยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น หากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยกระดับหรือยืดเยื้อออกไป อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายและไม่มีความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับฐานลงกลับสู่ระดับก่อนเกิดเหตุความตึงเครียด คล้ายกับที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน–พฤษภาคม 2024 ซึ่งราคาน้ำมันอ่อนตัวลงหลังตลาดคลายกังวลต่อความขัดแย้งในภูมิภาค

Author
DR RHATSARUN TANAPAISANKIT
ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

Head of Investment Strategy & Trading Product Specialist

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5