สวัสดีตอนเช้า - ลุ้นประกาศอัตราภาษีศุลกากรต่อ

ลุ้นประกาศอัตราภาษีศุลกากรต่อ

 

ประเด็นสำคัญ

• การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ มิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.47 แสน สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับอัตราการว่างงานที่ลดลงเหลือ 4.1% สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง คลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะ ศก. สหรัฐฯ ถดถอย ตลาดยังคงประเมินเฟดลดดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้ อีก 2 ครั้งในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. 
• หลายสำนักข่าวเผยสหรัฐฯ ได้ยกเลิกข้อจำกัดส่งออกซอฟต์แวร์ออกแบบชิปไปยังจีน ด้านบริษัทผู้ออกแบบฯ รายใหญ่ Synopsys, Cadence และ Siemens AG เผยว่าได้รับจดหมายจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ให้ทราบถึงประเด็นดังกล่าวแล้ว มองเป็นสัญญาณสำคัญของการคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้า
• WorldBank คาด ศก. ไทยจะเติบโตชะลอลงสู่ 1.8% ในปี 2568 ลดลงจากประมาณการใน ก.พ. ที่ 2.9% เนื่องจากยังไม่ได้รวมผลกระทบของนโยบายการค้าที่เปลี่ยนแปลงซึ่งจะกระทบการส่งออกโดยตรงและชะลอการลงทุนในประเทศ ทั้งนี้ประมาณการดังกล่าวยังไม่รวมปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองไว้ในสมมุติฐาน
• ททท. เผยยอดลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 3 วันแรกที่ 1,283,641 ราย จองที่พักและชำระเงินสำเร็จ 18,119 สิทธิ์ และมีสิทธิ์คงเหลือ 481,881 สิทธิ์ ส่วนปัญหาระหว่างการลงทะเบียน ททท. คาดจะใช้เวลาแก้ไขประมาณ 7 วันและตัดสินใจเปิดระบบต่อไประหว่างการปรับปรุงหลังเห็นสถานการณ์การลงทะเบียนดีขึ้นต่อเนื่อง
• ปธน. ทรัมป์ให้การสนับสนุนการนำร่างกฎหมายของวุฒิสภาเข้าสู่รัฐสภา โดยจะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรสูงถึง 500% ต่อจีนและอินเดียหากมีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อกดดัน ปธน. ปูตินให้เข้าสู่การเจรจากับยูเครน

 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์และผันผวนต่อ หลังยังรอความชัดเจนของปัจจัยทั้งในและนอกประเทศ โดยปัจจัยภายนอกติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และความคืบหน้าการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ หลังใกล้เส้นตาย 9 ก.ค. ขณะที่ปัจจัยภายในติดตามเสถียรภาพทางการเมืองและปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยกลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์และยังผันผวนต่อ เนื่องจากยังรอความชัดเจนทั้งปัจจัยภายนอก (ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐหลังใกล้เส้นตาย 9 ก.ค.) ขณะที่ปัจจัยภายในติดตามเสถียรภาพทางการเมืองและปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 
1. หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ (ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายในและภายนอก) อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BCH DIF 
2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT 
3. หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ แนะนำ ADVANC CPALL BTG 
4. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Undervalue (PER PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR และ 2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐอย่างกลุ่มปูนซีเมนต์และท่องเที่ยว แนะนำ SCC SCCC ERW CENTEL AAV

 

Daily top picks

CPALL: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจาก รายงาน SSS รวมของกลุ่มดีขึ้น ติดลบในอัตราที่ลดลงหนุนจิตวิทยา เราคาดกำไร 2Q68 จะเติบโต YoY และปี 2568 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มที่ 19%YoY (กลุ่ม 5%YoY) และซื้อขาย PER 2568F ที่ 16 เท่า (กลุ่ม 17 เท่า) ส่วนการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน (ไม่เกิน 1.67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.-14 พ.ย. 68 จะช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น

 

KTB: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น มีโอกาสมีแรงซื้อเข้ามาตามภาพของตลาด เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร มี Upside จากการเพิ่มอัตราการจ่ายปันผลเพิ่ม และ Credit Cost สูงสุดใน1Q68 แล้วมีโอกาสลดลงในช่วงที่เหลือของปี ในขณะที่ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และมี LLR Coverage สูง

 

Keep an eye on US tariff rates

 

The SET is expected to continue moving sideways up and in the short term is testing resistance of 1128. If it can stay above that, next resistance will be 1135/1140, where a slowdown is expected, while supports are at 1120/1115. The market is watching US tariff rate announcements, especially that on Thailand, before July 9. If it is not higher than 15%, we expect a positive reaction.

 

Today’s highlights

• US nonfarm payrolls increased by 147,000 in June, higher than market expectations, alongside unemployment rate falling to 4.1%, reflecting a strong labor market that eases concerns about a US economic recession. Markets continue to expect the Fed to cut policy rates twice this year, in September and December.
• Multiple news outlets report that the US has lifted export restrictions on chip design software to China, with major design companies Synopsys, Cadence, and Siemens AG confirming they received notification letters from the US Commerce Department, seen as an important sign of easing trade tensions.
• The World Bank expects Thailand's economy to slow to 1.8% growth in 2025, down from February's forecast of 2.9%, as it does not yet include the impact of changing trade policies that will directly affect exports and slow domestic investment. The forecast also does not include political uncertainty in its assumptions.
• TAT says 1,283,641 people registered for the tourism stimulus program in the first three days, with 18,119 successful accommodation bookings and payments, leaving 481,881 rights remaining., TAT expects it will take about 7 days to resolve the registration issues and decided to keep the system open as it was being worked on after seeing continuous improvement in registration conditions.
• Trump supports sending a Senate bill to Congress that would impose tariffs as high as 500% on China and India if they import oil from Russia, aimed at pressuring Putin to enter negotiations with Ukraine.

 

Strategy today

In the short term the SET is expected to move sideways and fluctuate as it waits for some resolution of external and domestic issues. External issues include the situation in the Middle East and progress on trade negotiations with US as the July deadline approaches; domestic factors include political stability and the conflict between Thai and Cambodia. However, a SET level of below 1100, which has 2025F PER of below 12x, is still suitable for mid- to long-term investors to accumulate. Our investment strategy remains "Selective Buy".

 

Trading today

The SET is expected to move sideways and fluctuate as the market watches for clarification of external factors (trade negotiations with the US as the July 9 deadline approaches) and domestic factors (political stability and the Thai-Cambodia conflict). Our investment strategy is for "selective buy" in three main themes and two trading themes with specific positives:
1. Defensive stocks that fluctuate little and whose profit is expected to be able to withstand external pressure (limited impact from external and domestic issues), while being consistent dividend payers – ADVANC, BCH and DIF.
2. High-quality dividend stocks (SET50 with SETESG Rating A or higher) to generate portfolio cash flow in the short term, expected to pay an interim dividend off 1H25 profit with yield higher than 2% - ADVANC, BBL and PTT.
3. Earnings plays whose profit is growing, with 2Q25 core profit expected to grow YoY and QoQ – ADVANC, CPALL and BTG.
4. Trading idea: For high-risk-takers who want to speculate: 1) undervalued stocks (PER and PBV < -1SD) on which we recommend Outperform, with expected dividend yield of at least 3% - BBL, BDMS, CPALL, DIF, PTT, SIRI and TIDLOR; and 2) companies expected to benefit from economic stimulus programs, such as cement and tourism stocks – SCC, SCCC, ERW, CENTEL and AAV.

 

Daily top picks

CPALL: Price has a short-term catalyst from improving SSS overall for the Commerce sector, easing out of contraction, which encourages sentiment. 2Q25 profit is expected to grow YoY and 19% in 2025 (peers at 5%). The stock is trading at a 2025F PER of 16x (peers at 17x), while the stock repurchase program (not higher than 1.67% of listed shares) running from May 16 – Nov 14, 2025, will limit downside.

 

KTB: Price has a short-term catalyst on expected buying following the market, particularly as it is our top bank pick. It has upside from a higher dividend, peak for credit cost in 1Q25 and expected to trend down over the rest of the year, lower quality asset risk than others and high LLR coverage.

 

Download EN version click > Daily250704_E.pdf