คาด SET ได้รับปัจจัยหนุนให้ฟื้นตัวได้ต่อ หลังปธน. ทรัมป์ระงับการขึ้นภาษีต่อแคนนาดาและเม็กซิโกไว้ 1 เดือน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาในภาพรวมยังเป็นขาลง และยังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้ม ทำให้การฟื้นตัวยังมีหลายแนวต้านคอยสกัด โดยล่าสุดอยู่ที่ 1312 และ 1320 จุด ตามลำดับ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1280-1290 จุด
ฟื้นต่อ แต่ต้องฝ่าหลายแนวต้าน
ประเด็นสำคัญ
• ปธน. ทรัมป์ ชะลอเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 1 เดือน หลัง 2 ประเทศเสนอเพิ่มกำลังควบคุมแนวชายแดนเพื่อดูแลปัญหาการอพยพและยาเสพติด ทำให้นักลงทุนคลายกังวลด้านอุปทานน้ำมัน
• OPEC+ มีมติคงนโยบายการผลิตตามคาด ส่งผลให้ OPEC+ ยังคงลดกำลังผลิตรวม 5.86 ล้านบาร์เรล/วัน แบ่งเป็นของ OPEC+ 2 ล้านบาร์เรล/วัน และการปรับลดโดยสมัครใจของสมาชิก OPEC+ 8 ชาติ 1.65 ล้านบาร์เรล/วันในรอบแรก และ 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในรอบที่ 2
• รมช. คลังกล่าวถึงการปรับลดของดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ว่าในระยะสั้นไม่น่ากังวล เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีซึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และอยากให้มองระยะยาวมากกว่า แม้ระยะข้างหน้าจะยังมีความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์
• ธปท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ม.ค. ที่ 48.5 ทรงตัวจากเดือนก่อน จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนที่ลดลง แต่กดดันจากภาคที่ไม่ใช่การผลิตจากการชะลอตัวการบริโภคเนื่องจากรอ Easy e-Receipt
• สสว.เผยภาระหนี้สินของ SME 4Q67 มีสัดส่วนทรงตัวที่ 65.0% ชี้ปัญหากำลังซื้อต่ำ-พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน และการแข่งขันสูงกระทบผู้ประกอบการ จี้รัฐควรเร่งออกมาตรการหนุนการเข้าถึงสินเชื่อ
• รมช. คลัง เผยเตรียมหารือกับ ธปท. เกี่ยวกับมาตรการเพื่อรองรับการแก้ปัญหาปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะ หลังยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 70% เป็นสาเหตุทำให้ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศชะลอตัว
• ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์เผยเศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต ภาคท่องเที่ยวจะเป็นภาคส่วนที่นำเงินเข้าไทยได้เร็วที่สุด แนะนำจัดสรรงบฯ ส่งเสริมภาคเกษตรและใช้ AI รวมถึงหนุนพลังงานนิวเคลียร์
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1350 จุด โดยแม้ภาพการลงทุนในตลาดต่างประเทศจะได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและผลประกอบการนอกกลุ่มการเงินของ บจ. สหรัฐที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจากการปรับลดดอกเบี้ยที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่ในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่มาช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้สถานการณ์การส่งออกไทยน่าจะมีความเสี่ยงมากขึ้นจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐและเงินเฟ้อที่ต่ำ ทำให้เศรษฐกิจไทยยังไม่โดดเด่นมากนัก ส่งผลให้ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยยัง Underperform ตลาดหุ้นทั่วโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์หลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1350 จุด กลยุทธ์ลงทุนแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐอย่าง Easy E-Receipt ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO TNP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AWC ERW AOT)
2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT
3. หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนกำไร 4Q67-1Q68 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรใน 1) หุ้นที่คาดมีโอกาสเพิ่มอัตราการจ่ายปันผล หรือ ซื้อหุ้นคืน เนื่องจากมี PBV ต่ำกว่า 1 เท่า และมีสภาพคล่องทางการเงินสูง เลือก PTT KBANK BBL และ 2) หุ้น Mid-Small Cap. ที่ราคาหุ้นปรับลง YTD มากกว่าตลาด แต่ 4Q67 และปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตดีและมีฐานะการเงินแกร่ง เลือก AMATA AU BCH BLA TIDLOR
Daily top picks
AOT: มองกำไรมีแนวโน้มเติบโตสดใสตามจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยปี FY2568 คาดกำไรจะเติบโต 18%YoY อิงจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 84 ล้านคน เติบโต 15%YoY ซึ่ง 1QFY68 คาดกำไรปกติที่ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%YoY และ 25%QoQ แรงหนุนจากเข้าสู่ High Season ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
KBANK: มีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นหลังวางแผนปรับอัตราการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นในระดับปานกลางเพื่อเพิ่ม ROE โดยเราคาดเงินปันผลสำหรับงวด 2H67 ที่ 9 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield สูงราว 5.7% ปี 2568 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น 5%YoY แรงหนุนจาก Credit Cost ที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตดี ทั้งนี้วันนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 160 บาท
Recover, with many resistances
The SET is expected to continue to recover after President Trump suspended the tariffs on Canada and Mexico for a month. However, the overall trend is still downward, and there is no sign of a switch, indicating many stops at resistances along the way to recovery. Resistances are at 1312 and 1320, while support is between 1280 and 1290.
Today’s highlights
Strategy today
In the short term, the SET index is expected to move sideways with key resistance at ~1350 points. Although sentiment is positive in response to China’s stimulus package, strong profit at US companies and a strong dollar from gradual interest rate cuts, domestically there is no new catalyst to support the market. Exports face more risk due to US trade policy and low inflation, hindering Thai economic growth and leading the Thai market to underperform world markets. Investment strategy is "Selective Buy".
Trading today
The SET is expected to move sideways with main resistance at 1350. Investment strategy is "Selective Buy" across three themes with positive individual factors and two short-term trading ideas:
Daily top picks
AOT: Profit will grow in tandem with the growing international arrivals. FY2025 profit is expected to grow 18%, based on 84mn international passengers (up 15%), and 1Q25FY core profit is expected to grow to Bt5.5bn (+18%YoY and +25%QoQ) due to high season.
KBANK: There is a catalyst to the stock price as the bank plans to increase dividend payment to raise ROE. We expect dividend on 2H24 of Bt9/share or yield of 5.7%. 2025 profit is expected to grow by 5%, driven by lower credit cost and higher fee income. Recommend to buy for trading at not higher than Bt160/share.
Download EN version click >> Daily250204_E.pdf