- ตัวเลขเศรษฐกิจจีนในเดือน มี.ค. และไตรมาสที่ 1 ดีเกินคาด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งผลิตเพื่อส่งออกก่อนภาษีศุลกากรของทรัมป์จะมีผล
- จีนและสหรัฐตอบโต้สงครามการค้ารุนแรง ขณะที่สัญญาณการเจรจาระหว่างสองฝ่ายยังไม่ชัดเจน
สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยจากภาพของสงครามการค้าที่เริ่มไม่ขยายวงกว้างออกไปมากขึ้น โดยทั้งสหรัฐและจีนเริ่มส่งสัญญาณระดับเพดานภาษีตอบโต้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่มีการชะลอการเรียกเก็บสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ ออกไป นอกจากนั้นยังระบุกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาเลื่อนเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนฯ ออกไป เพื่อให้เวลาผู้ประกอบการกลับมาสร้างโรงงานในสหรัฐได้ อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามนโยบายตอบโต้กันในรูปแบบการห้ามส่งออกหรือรับมอบจากทั้ง 2 ฝ่าย โดยในสัปดาห์นี้จีนสั่งให้สายการบินของตนงดรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง ขณะที่ทรัมป์ลงนามคำสั่งสอบสวนเพื่อพิจารณาการเก็บภาษีแร่ธาตุสำคัญ และปรับเงื่อนไขการส่งออกชิปไปจีนให้เข้มงวดมากขึ้น ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 นำอัตราเงินฝากลงมาที่ 2.25% ตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งภายในสิ้นปี เพื่อตอบรับความผันผวนที่เกิดขึ้นจากสงครามการค้า ตรงข้ามกับประธานเฟด ที่ยังให้มุมมองเชิง Hawkish และเตือนว่านโยบายภาษีของทรัมป์อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อสูงและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ตลาดหุ้น EM ฟื้นตัวได้ดีกว่า DM โดย GDP จีน 1Q25 เติบโต 5.4% ดีกว่าคาด แต่ต้องติดตามผลกระทบจากภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ใน 2Q25 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับ EM เอเชีย โดยรัฐบาลเริ่มจัดเตรียมแผนและมีกำหนดการเริ่มเจรจาการค้ากับสหรัฐในสัปดาห์หน้า ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นแรง สงครามการค้าเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกออกมาบ้าง รวมถึงความกังวลด้านอุปทานชะงักเพิ่มขึ้นหลังสหรัฐคว่ำบาตรโรงกลั่นจีนที่มีการซื้อน้ำมันจากอิหร่านเพิ่มเติม
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐทรงตัว แม้หุ้นโลก โดยเฉพาะ EM จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น กดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยจีนเพิ่มภาษีสินค้าสหรัฐเป็น 125% และสั่งสายการบินของตนงดรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง ตอบโต้สหรัฐที่เก็บภาษีจีน 145% ขณะที่เริ่มมีสัญญาณบวกขึ้นบ้างหลังทรัมป์ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากจีนเป็นการชั่วคราว ขณะที่ทั้ง 2 ประเทศเริ่มส่งสัญญาณพร้อมเจรจา
ตลาดหุ้นไทย
หุ้นไทยเพิ่มขึ้นตามภูมิภาค หลังจาก (1) รมว.คลังหารือผู้ว่าธปท. รับมือภาษีทรัมป์ เตรียมพร้อมเรื่องสภาพคล่องที่อาจกระทบตลาดทุนและผู้ส่งออก (2) ธปท. ระบุว่านโยบายการค้าสหรัฐส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนมากขึ้น กดดันให้ GDP ไทยปีนี้หลุดเป้า 2.5% ส่งผลต่อส่งออก การผลิต การค้า และการลงทุน (3) นายกฯ เผย รมว.คลัง นำทีมไทยเจรจาสหรัฐ 23 เม.ย. ไทยยื่น 5 ข้อเสนอ ลดดุลการค้าสหรัฐ 50% ใน 5 ปี
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงที่ 4.33% ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปีปรับตัวลดลงที่ 3.80% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 53 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นที่ 1.93% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 1.53% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 31,729 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน Brent ปรับขึ้น 7.3%WoW หลังสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันอิหร่าน พร้อมหวังสหรัฐจะทยอยบรรลุข้อตกลงการค้า ด้านราคาทองคำ (Spot) ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 3,216 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงที่ 99.4 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นที่ 142.3 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.13 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 33.35 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.30 หยวน
