สวัสดีตอนเช้า - 16 มิ.ย. 2568

แกว่งลง…แนวรับ 1118/1094

 

ประเด็นสำคัญ

• อิสราเอล-อิหร่านยังโจมตีตอบโต้ต่อเนื่อง โดยเป้าหมายการโจมตีของอิสราเอลขยายวงสู่โครงสร้างพื้นฐานพลังงานของอิหร่าน ส่วนการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ถูกยกเลิก ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางถูกกระทบ
• IEA ประกาศพร้อมระบายน้ำมันสำรองหากจำเป็น โดยมีปริมาณน้ำมันสำรองฉุกเฉินกว่า 1.2 พันล้านบาร์เรล เทียบกับกำลังการผลิตของอิหร่านที่ 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน กรมธุรกิจพลังงานเผยไทยมีน้ำมันสำรองเพียงพอต่อการใช้ในประเทศ รองรับได้ 60 วัน
• สายการบินต่างๆ ประกาศยกเลิกหรือเปลี่ยนเส้นทางบินเพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าของอิสราเอล อิหร่าน อิรัก และจอร์แดน หลังอิสราเอล-อิหร่านโจมตี เรามองส่งผลลบต่อหุ้นท่องเที่ยวและ รพ. ระดับบน ซึ่งจะมีการชะลอเดินทางท่องเที่ยวและรักษาที่ไม่เร่งด่วน
• ติดตามอิหร่านโจมตีอิสราเอล รวมถึงในกรุงเทลอาวีฟซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคข้ามชาติ (Intel, Microsoft, Apple, Google) อีกทั้งเป็นผู้ผลิตด้านเซมิฯ รายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ทำให้ตลาดอาจกังวลห่วงโซ่อุปทานซึ่งจะกระทบต่อการดำเนินงานหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
• วันนี้ฝ่ายบริหาร AOT เสนอบอร์ดถึงแนวทางแก้ปัญหากรณีคิงเพาเวอร์ (KPD) ขอปรับสัญญาดิวตี้ฟรี เรามองเป็นปัจจัย Overhang ธุรกิจสัมปทานที่เพิ่มขึ้นกดดันราคาหุ้นเสี่ยงลงต่อ ระยะเวลาแก้ไขปัญหาไม่แน่นอน ลดคำแนะนำสู่ Underperform
• วันศุกร์ กสทช. เห็นชอบคุณสมบัติผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประมูลคลื่นความถี่ย่าน 850MHz, 1500MHz, 2100MHz และ 2300MHz ซึ่งมีเอกชน 2 ราย ได้แก่ TUC ในเครือ TRUE และ AWN ในเครือ ADVANC โดย กสทช. จะได้เดินหน้าสู่การประมูลคลื่นในวันที่ 29 มิ.ย.

 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวน อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม (ญี่ปุ่น อินเดีย) หลังมีข้อสรุปเบื้องต้นกับจีนแล้ว รวมถึงการแจ้งอัตราภาษีแบบฝ่ายเดียวกับประเทศอื่นๆ ใน 1-2 สัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยภายในยังติดตามความไม่แน่นอนทางการเมือง (การปรับ ครม.) และการออกมาตรการกระตุ้น ศก. (เที่ยวไทยคนละครึ่ง และโครงการกระตุ้น ศก. 1.57 แสนลบ.) อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่า ช่วงต้น เม.ย. SET ได้ปรับลงสะท้อนวิกฤติจากนโยบายเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไปแล้ว (มอง SET ผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้วที่ Downside 1,032 จุด) และยังคงมุมมองว่าหากดัชนีปรับตัวลงมาบริเวณ 1100 ยังเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET ผันผวน รอติดตามความชัดเจนจากหลายปัจจัย อาทิ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง, ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม, อัตราภาษีฝ่ายเดียวจากสหรัฐฯ และปัจจัยการเมืองไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 4 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 
1. หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ แนะนำ ADVANC TRUE CPALL BTG CPF
2. หุ้น SET50 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป พร้อมคาดให้ Div. Yield ตั้งแต่ 5% ขึ้นไป แนะนำ PTT KTB BBL HMPRO
3. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY  2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BDMS CPALL PTT BCH BTG AP
4. หุ้นตั้งรับที่มีรายได้ในประเทศเป็นหลัก สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการรอดูความชัดเจนของการดำเนินมาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ แนะนำ BCH CPALL GULF MTC OR TRUE
5. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหลังเกิดความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แนะนำ PTT PTTEP BCP 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์หากรัฐออกมาตรการะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม แนะนำ SCC SCCC STECON CK และ 3) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากภาวะดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่ม REITs (DIF), กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) และกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF GPSC)

 

Daily top picks

PTTEP: มองเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน แนวโน้ม 2Q68 ผู้บริหารคาดว่าปริมาณขายใน 2Q68 จะเพิ่มขึ้น QoQ จากการปิดซ่อมบำรุงในไทยที่น้อยลงและการขายน้ำมันในโอมานและแอลจีเรียมากขึ้น และคาดว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 2H68 วันนี้แนะนำซื้อราคาไม่เกินหุ้นละ 115 บาท

 

BCH: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการเป็นหุ้น Defensive และแนวโน้มรายได้ในเดือนเม.ย.-พ.ค.ของ BCH เติบโต YoY และ QoQ ถือว่าดีเพราะปกติแล้วไตรมาสที่ 2 จะเป็นโลว์ซีซัน คงมุมมองเชิงบวกว่ากำไรปกติของ BCH จะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 15% ในปี 2568 เป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มการแพทย์

 

To move down with support at 1118/1094

The SET is expected to continue moving down with supports at 1118 and 1100-1094, while resistance is at 1127. The war in the Middle East is pressuring global stock markets, including Thailand. Domestically, there is pressure from political concern and King Power requesting cancelation of its duty-free concessions.

 

Today’s highlights

• Israel and Iran continue retaliatory attacks, with Israeli targeting expanding to Iran's energy infrastructure. Nuclear negotiations scheduled for Sunday were cancelled. Markets worry about Middle East oil supply disruption.
• IEA announced it was ready to release strategic oil reserves, if necessary, with over 1.2mn bbl of emergency oil reserves compared to Iran's production capacity of 3.3mn bbl/day. DoEB says there are sufficient oil reserves for domestic use, able to support 60 days of consumption.
• Various airlines announced flight cancellations or route changes to avoid airspace over Israel, Iran, Iraq and Jordan following the attacks between Israel and Iran. We expect this to hurt tourism and premium hospital stocks, which will see delays in travel and non-urgent medical treatments.
• Keep an eye on Iran's attacks on Israel, including in Tel Aviv, which houses multinational tech companies (Intel, Microsoft, Apple, Google) and is one of the world's major semiconductor producers. Markets worry about supply chain disruptions which could impact electronics sector operations.
• Today AOT management proposed to the board solutions for changes in the King Power (KPD) duty-free contracts. This raises the overhang on AOT’s concession business and the downside risk will pressure share price. How long it will take to resolve this is uncertain. We downgrade to Underperform.
• Friday, NBTC approved the qualifications of applicants for spectrum auction bids for 850MHz, 1500MHz, 2100MHz and 2300MHz frequencies, with two private companies: TUC under TRUE group and AWN under ADVANC group. NBTC will proceed with the spectrum auction on June 29.

 

Strategy today

In the short term the SET is expected to fluctuate given the tension in the Middle East, trade negotiations between the US and trading partners (Japan and India) after reaching a preliminary agreement with China and US unilateral tariffs on other trading partners in next 1-2 weeks. There are also domestic factors to follow: politics (the cabinet reshuffle), economic stimulus (tourism stimulus and the Bt157bn package). However, we believe the SET already incorporated the worst of the hit by US tariffs in April (a low at 1032), and if the index falls to around 1100, we see this as an opportunity for accumulation for medium-to-long-term investment. Our investment strategy remains "Selective Buy".

 

Trading today

The SET continues to face uncertainty in many factors: tension in the Middle East, trade negotiations between US and trading partners, unilateral tariffs by the US and local politics. Our investment strategy is for "selective buy" in four main themes and three trading themes with specific positive factors:
1. Earnings plays: those with 2Q25 profit expected to grow strongly, and core profit growth both YoY and QoQ – ADVANC, TRUE, CPALL, BTG and CPF.
2. SET50 stocks with SETESG rating higher than A, with dividend yield of above 5% expected, and on which we recommend Outperform – PTT, KTB, BBL and HMPRO.
3. Stocks expected to be targets of ThaiESGX: a) 2025 profit is expected to grow, 
b) financial position is strong and c) are steady dividend payers - ADVANC, BDMS, CPALL, PTT, BCH, BTG and AP.
4. Defensive stocks whose revenue is largely domestic. For risk-averse investors waiting for greater clarity on Trump’s tariffs – BCH, CPALL, GULF, MTC, OR, TRUE.
5. Trading idea: For high-risk-takers who want to speculate. a) stocks that benefit from higher oil price brought by Middle East tension – PTT, PTTEP and BCP; b) stocks benefiting from stimulus packages – SCC, SCCC, STECON and CK; and 3) stocks that benefit from the downward interest rate cycle – REITs (DIF), Finance (MTC and TIDLOR) and Utilities (GULF and GPSC).

 

Daily top picks

PTTEP: The company benefits from higher oil price. Management expects 2Q25 sales volume to grow QoQ from less domestic maintenance shutdowns and higher sales in Oman and Algeria. Sales volume is expected to continue growing in 2H25. Recommend to buy for trading at not higher than Bt115/share.

 

BCH: This is considered a defensive stock. Revenue in Apr and May is expected to grow YoY and QoQ, which is good as 2Q is usually a low season. We maintain our positive view on BCH’s core profit, back to growth of 15% in 2025, the strongest growth in Healthcare.

 

Download EN version click >Daily250616_E.pdf