มองตลาดมีโอกาสรีบาวด์ช่วงสั้นตามแนวรับ 1170/1155 หลังลงมาต่อเนื่องและเริ่มเข้าใกล้แนวรับแรก 1170 ทำให้มีโอกาสชะลอการลง อีกทั้งความกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 30 ปีเริ่มผ่อนคลายลง หลังจากอัตราผลตอบแทนกลับมาปรับตัวลง -10bps ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนที่จะปรับตัวขึ้นแรง
ชะลอการลงตามแนวรับ
ประเด็นสำคัญ
• สภาคองเกรสมีมติผ่านร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณรายจ่ายด้วยคะแนน 215-214 โดยมีสาระสำคัญ เช่น ขยายเพดานหนี้รัฐบาลอีก 4 ล้านล้านดอลลาร์, ต่ออายุมาตรการลดภาษีจากยุคทรัมป์ 1, เพิ่มเพดานลดหย่อนภาษีท้องถิ่น เป็นต้น ขณะที่ Moody’s เตือนแผนนี้อาจเพิ่มแรงกดดันต่ออันดับความน่าเชื่อถือ
• OPEC+ ส่งสัญญาณเร่งการเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบใน ก.ค. เป็น +4.11 แสนบาร์เรล/วัน หรือกว่าสามเท่าจากแผนเดิมต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามเพื่อลงโทษประเทศสมาชิกที่ผลิตเกินโควตา ทั้งนี้ติดตามการประชุมร่วมของประเทศสมาชิกในวันที่ 25 พ.ค. นี้
• คลังหารือหน่วยงานต่างๆ เพื่อพิจารณาคัดเลือกโครงการที่จะนำมาใช้กระตุ้น ศก. ภายใต้วงเงิน 1.57 แสนลบ. ซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปรายละเอียดภายในสิ้น พ.ค.นี้ เนื่องจากต้องแข่งกับเวลาที่เหลือแค่ 4-5 เดือน โดยจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องทั้งการจ้างงาน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 4 ด้าน ที่ได้รับอนุมัติจาก ครม.
• ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์ เม.ย. 68 ลดลง 0.4%YoY ต่ำสุดในรอบ 44 เดือน ขณะที่ยอดส่งออกลดลง 6.31%YoY ส่วนยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 0.97%YoY จากการขายรถ EV โดยมีการส่งออก EV เป็นเดือนแรกที่ 660 คัน แนะจับตาการเจรจาภาษีสหรัฐ พร้อมเตรียมทบทวนลดเป้าผลิตรถปีนี้ มองเป็นลบต่อกลุ่มยานยนต์
• ททท. ขอเวลา 1 เดือนหลังจัดงานสวัสดีหนีห่าว (28 พ.ค. -1 มิ.ย. 68) เพื่อประเมินปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะลดลงเหลือ 5 ล้านคนได้หรือไม่
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัวรอหาปัจจัยหนุนใหม่และความคืบหน้าการเจรจากการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หลังดัชนีได้ปรับตัวขึ้นไปตอบรับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ผ่อนคลายลงในระดับหนึ่ง จนทำให้ SET ปรับขึ้นมายืนเหนือ 1200 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่า 3% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคก่อนเกิดเหตุการณ์ ปธน. ทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศคู่ค้าแล้ว อย่างไรก็ดีหากดัชนีปรับลงหรือพักตัวลงมาที่ระดับ 1155/1120-1100 มองจะเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาว หลังประเมินว่าสถานการณ์สงครามการค้าโลกที่เลวร้ายสุดได้ผ่านไปแล้วในแง่ของระดับภาษีที่สูงสุด รวมทั้งอยู่ระหว่างการประกาศข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าต่างๆ ในระยะถัดไป ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET มีโอกาสพักตัวเพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่และติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หลังก่อนหน้านี้ดัชนีได้ปรับขึ้นตอบรับประเด็นบวกระหว่างสหรัฐฯ และจีนไปแล้ว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เลือก ADVANC TRUE BTG CPF CPALL
2. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ พบหุ้นน่าสนใจ SET50 : ADVANC BDMS CPALL PTT และ SET100 : BCH BTG AP
3. หุ้น SET50 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป คาดให้ Div. Yield 5% ขึ้นไป และเราแนะนำ Outperform เลือก PTT KTB BBL HMPRO
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการแนะนำเก็งกำไรสำหรับหุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับ -2SD ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง แนะนำ GULF MTC CBG AMATA BJC
Daily top picks
BDMS : มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากเป็นหุ้น Defensive และมีโอกาสรีบาวด์หลังลงต่อเนื่อง สวนทางกำไรปกติ 1Q68 ที่ทำ New High และแนวโน้มยังดีต่อใน 2Q68 โดยเติบโต YoY (จากรายได้และ EBITDA Margin ที่เพิ่มขึ้น) แต่ชะลอตัวลง QoQ (จากผลฤดูกาล) โดยปี 2568 คาดกำไรปกติเติบโต 8% รวมทั้งคาดเป็นเป้าหมายกองทุน ThaiESGX
ADVANC : มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากมีโมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรยังเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้งผลสรุปการประมูลคลื่นความถี่ใน 2Q68 ที่คาดว่าจะออกมาเป็นบวก จะส่งผลทำให้มีการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยง Downside จำกัดท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาษีการค้า
Decelerated fall at support
The SET is expected to see a short-term rebound around supports of 1170/1155 after a steady decline to close to 1170, with the decline expected to decelerate. A concern over 30-year US bond yield also started to ease after the bond yield declined 10bps, back to where it was before the spike.
Today’s highlights
• The US congress passed Trump’s tax and budget bill by a narrow margin (215-214) with key provisions including extension of the debt ceiling by US$4tn, renewal of Trump-era tax cuts and increased local tax deduction caps. Moody's warns this plan could pressure the country's credit rating.
• OPEC+ signaled accelerated crude oil production increase in July of 411,000 bbl/day, more than triple the original plan, the third month of increases, to penalize member countries exceeding quotas. Member countries are scheduled to meet on May 25.
• The Ministry of Finance is talking with various agencies to select economic stimulus projects under the Bt157bn budget framework, with conclusions expected by end-May as only 4-5 months remain in the fiscal year. Projects will focus on employment and infrastructure development across four areas approved by Cabinet.
• FTI Industries reports April auto production slipped 0.4% YoY, the lowest in 44 months, while exports declined 6.31% YoY. Domestic sales inched up only 0.97% YoY, backed by EV sales, with first-time EV exports of 660 units. It recommends monitoring US tariff negotiations and is preparing to revise this year's production targets downward, viewing it as negative for the automotive sector.
• TAT is asking for a one-month assessment period following the "Hello-NiHao" event (May 28-June 1, 2025) to evaluate whether Chinese tourist numbers will fall to 5mn this year.
Strategy today
In the short term the SET is expected to rest and wait for a new catalyst, such as Thailand and US trade negotiations, after already rising to factor in the talks between the US and China, which eased tension to some extent, temporarily standing above 1200 which is 3% higher than before Trump’s announcement of reciprocal tariffs. However, if the index falls to 1155/1120-1100, it would open the door to accumulate buy for long-term investment as we believe the worst of trade war has come to pass in terms of the highest tariff rates, while negotiations are currently underway. Our investment strategy remains "Selective Buy".
Trading today
The SET is expected to rest to wait for a new catalyst and progress on trade negotiations between Thailand and the US, after rising to incorporate the good news of US and China talks. Our investment strategy is for "selective buy" in 3 main themes and 1 trading theme with specific positive factors:
1. Earnings plays with 2Q25 profit expected to grow strongly, and core profit growth both YoY and QoQ – ADVANC, TRUE, BTG, CPF and CPALL.
2. Stocks expected to be targets of ThaiESGX: 1) 2025 profit expected to grow, 2) strong financial position and 3) steady dividends - on SET50 are ADVANC, BDMS, CPALL and PTT and on SET100 are BCH, BTG and AP.
3. SET50 stocks with SETESG Rating higher than A, expecting dividend yield of higher than 5% and on which we recommend “Outperform” – PTT, KTB, BBL and HMPRO.
4. Trading idea: For high-risk-takers, we recommend speculating on undervalued stocks that are currently trading at 2025F PER and PBV below -2SD, with profit expected to grow in 2025 and a strong balance sheet – GULF, MTC, CBG, AMATA and BJC.
Daily top picks
BDMS: A defensive stock which is expected to be a target of ThaiESGX funds. It may rebound after a steady decline in price, moving opposite to 1Q25 core profit, which reached a new high, with growth expected to continue in 2Q25, growing YoY from higher revenue and EBITDA margin but slowing QoQ on seasonal factors. 2025 core profit is expected to grow 8%.
ADVANC: It has a catalyst from strong profit growth, with profit continuing to grow in 2Q25 both YoY and QoQ. The completion of the spectrum auction in 2Q25 is expected to be a positive to forecast. The company has limited exposure to the uncertainty arising from the trade war.
Download PDF Click > Daily250523_E.pdf
