วานนี้ตลาดปรับตัวลงแรงหลังจากขึ้นวันก่อน การลงมีแนวรับถัดไปที่ 1200-1195/1185 หากยังแกว่งขึ้นไม่ควรอ่อนตัวลงหลุดต่ำกว่าอีก แต่การทดสอบครั้งแรกมีโอกาสชะลอการลงได้ วันนี้คาดว่าจะเป็นลักษณะของการรีบาวด์ได้แต่จำกัดก่อนวันหยุดยาวของไทยและสุดสัปดาห์นี้จะมีการเจรจาการค้าอย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐ-จีนที่สวิสเซอร์แลนด์ครั้งแรก
รีบาวด์ได้ แต่จำกัด ก่อนหยุดยาว
ประเด็นสำคัญ
• สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรได้บรรลุข้อตกลงการค้า ลดภาษีศุลกากรลงเหลือ 1.8% จากเดิม 5.1% ลดภาษียานยนต์เหลือ 10% และยกเลิกภาษีเหล็กที่ 25% อย่างไรก็ตามยังไม่ยกเลิกภาษีศุลกากรที่มีต่อทั่วโลกที่ 10%
• แพทยสภามีมติลงโทษ 3 หมอ กรณี 'ทักษิณ' ชั้น 14 และศาลอาญา ไม่อนุญาต "ทักษิณ" ออกนอกประเทศไปการ์ตาตามคำเชิญส่วนตัวของเจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์
• BBL นำร่องลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.05-0.10%-เงินฝากประจำ 3-36 เดือน 0.15-0.30% แต่อาจรับรู้ปัจจัยลบตั้งแต่ กนง.ลด ดบ.แล้ว
• FETCO เผยผลสำรวจใน เม.ย. พบดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าคงอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” ที่ 64.10 และมองมาตรการกระตุ้น ศก. ภาครัฐและการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด
• สายการบินหลายแห่งในเอเชีย เช่น Korean Air, EVA Air, China Airlines รวมถึง THAI ประกาศว่ากำลังดำเนินการเปลี่ยนเส้นทางการบินหรือยกเลิกเที่ยวบินที่เดินทางไป-กลับทวีปยุโรป เพื่อหลีกเลี่ยงการสู้รบระหว่างอินเดียและปากีสถาน
• ที่ประชุมนโยบายการเงิน BoE มีมติ 7 ต่อ 2 ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ 4.25% เป็นไปตามตลาดคาด
• BoJ เผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินเมื่อ มี.ค. ชี้ว่าที่ประชุมมีความกังวลมาตรการภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการปรับดอกเบี้ยนโยบาย
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideways หลังตลาดอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ และติดตามการประกาศผลประกอบการ 1Q68 ของหุ้น Real Sector ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของ FOMC ที่มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายคาดจะไม่มีผลต่อบรรยากาศลงทุนมากนัก อย่างไรก็ดีมองความไม่ชัดเจนของนโยบายภาษีของสหรัฐที่มีต่อเศรษฐกิจโลกจะยังเป็นปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่นที่มีต่อการเติบโตของผลประกอบการ 2Q68 ทำให้บรรยากาศลงทุนยังเป็นไปอย่างระมัดระวังและทำให้ SET ปรับขึ้นได้จำกัด โดยมีแนวต้าน 1215-1235 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET จะแกว่งตัว Sideways รอความชัดเจนมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐ และการทยอยประกาศผลประกอบการ 1Q68 ของ บจ. Real Sector ไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 1Q68-2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เลือก ADVANC TRUE BTG CPF CPALL OR
2. หุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง แนะนำ GULF MTC CBG SPRC GPSC
3. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50 : ADVANC BDMS CPALL PTT และ SET100 : BCH BTG AP
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะนำเก็งกำไรสำหรับหุ้นที่ได้รับผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐซึ่งคาดราคาหุ้นจะฟื้นตัวเร็ว (High Beta) หากสงครามการค้ามีสัญญาณคลี่คลาย แนะนำ KTB BBL BCP PTT SCCC FTREIT AMATA
Daily top picks
BBL : มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากไหลกลับของ Fund Flow และคาดเป็นเป้าหมายกองทุน ThaiESGX เนื่องจากมี SETESG Rating “AAA” ขณะที่ยังเลือกเป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เนื่องจากมี Valuation ถูกที่สุด โดย PBV 0.45 เท่า และ PE 6.2 เท่า สำหรับปี 2568 และยังสามารถจ่ายปันผลสูง โดยคาดให้ Div. Yield ที่ระดับ 6.2% ต่อปี
TRUE : มองช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นยังปรับขึ้นช้ากว่า ADVANC และเป็นหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไรแข็งแกร่ง คาด 1Q68 กำไรปกติจะเติบโต +364.7%YoY และ +4.7%QoQ และคาดพลิกมีกำไรสุทธิได้ใน 2Q68 อีกทั้งยังมี Upside จากประมูลคลื่นความถี่ นอกจากนี้ผลประกอบการน่าจะได้รับผลกระทบจำกัดจากภาษีการค้าสหรัฐ
Limited rise before the weekend
Yesterday the SET moved down after strong earlier gains, with next support at 1200-1195 and 1185. The index should not fall below that to continue to move up. However, the index may not pass resistance of 1215-1225 on the first try. Today we see limited chance for a rebound before the weekend. Negotiations between China and the US will take place in Switzerland.
Today’s highlights
• The US and UK have reached a trade agreement, reducing customs tariffs to 1.8% from the previous 5.1%, lowering automobile taxes to 10%, and eliminating the 25% steel tariff. However, they have not eliminated the 10% global customs tariff.
• The Medical Council has ruled to punish three doctors in the case of former PM Thaksin’s stay on the 14th floor, and the Criminal Court has denied Thaksin permission to leave the country for Qatar following a personal invitation from the Emir of Qatar.
• BBL is piloting interest rate cuts of 0.05-0.10% on loans and 0.15-0.30% on 3–36-month fixed deposits. However, negatives may already be priced in since the MPC's rate cut.
• FETCO says that its April survey shows investor confidence index for the next three months ahead remains in the "bearish" zone at 64.10, with government economic stimulus measures and capital inflows seen as the strongest factors supporting confidence.
• Several Asian airlines, Korean Air, EVA Air, China Airlines and THAI, have announced they are rerouting or cancelling flights to and from Europe to avoid the conflict between India and Pakistan.
• The BoE's Monetary Policy Committee voted 7 to 2 to cut the policy interest rate by 25bps to 4.25%, in line with market expectations.
• The Bank of Japan released minutes from its March monetary policy meeting, indicating concerns about US tariffs, necessitating extra caution in adjusting their policy interest rate.
Strategy today
In the short term the SET is expected to move sideways as the market is waiting for clarification of US tariffs and the release of 1Q25 earnings. The FOMC kept interest rates unchanged at its meeting this week, as expected. However, the uncertainty of US tariffs and the large effect they will have on the global economy remains an overhang as it will likely eat into 2Q25 earnings growth and sour the investment climate. The SET is seen to have limited upside with resistance between 1215-1235. Our investment strategy remains "Selective Buy".
Trading today
The SET is expected to move sideways as it continues to wait for clarification of US tariffs and 1Q25 earnings announcements. Our investment strategy is for "selective buy" in two main themes and one trading theme with specific positive factors:
1. Earnings plays with profit expected to grow strongly, and core profit growth both YoY and QoQ in first and second quarters – ADVANC, TRUE, BTG, CPF, CPALL and OR.
2. Undervalued stocks with 2025F PER and PBV below -1SD, profit growth expected in 2025 and solid financially – GULF, MTC, CBG, SPRC and GPSC.
3. Stocks expected to be targets of ThaiESGX: 1) 2025 profit expected to grow, 2) strong financial position and 3) steady dividends with yield of at least 3% - on SET50 are ADVANC, BDMS, CPALL and PTT and on SET100 are BCH, BTG and AP.
4. Trading idea: For high-risk-takers, we recommend speculating on stocks exposed to US tariffs but who are expected to recover quickly (high beta) if there are signs of relief in the trade war– KTB, BBL, BCP, PTT, SCCC, FTREIT and AMATA.
Daily top picks
BBL: The stock price has a short-term catalyst from the return of fund flows. It is expected to be a target of ThaiESGX funds with SETESG rating of AAA. BBL is our top bank pick with the most attractive valuation, 2025F PBV of 0.45x and 2025F PE of 6.2x. It pays a high DPS with yield of 6.2%.
TRUE: In the last three months, price has lagged ADVANC, though profit is moving strongly. 1Q25 core profit is expected to grow 365%YoY and 4.7%QoQ, and we expect 2Q25 net profit to move into the black. There is upside from the license auction and it is well shielded from US tariffs.
Download PDF Click > Daily250509_E.pdf
