ดัชนีปรับขึ้นใกล้แนวต้านบริเวณ 1205-1215 ทำให้คาดอาจชะลอพักตัวในระยะสั้นหลังขึ้นมาแรงและตลาดรับรู้เรื่องการลดดอกเบี้ยไปแล้วระดับหนึ่ง นอกจากนี้อาจมีแรงกดดันต่อหุ้นธนาคารใหญ่หลัง Moody's ปรับลดเรทติ้งลง ส่วนแนวรับประเมินที่ 1190-1180 จุด
ชะลอตัวตามแนวต้าน
ประเด็นสำคัญ
• มูดี้ส์ปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินไทย 7 แห่ง ลงสู่ Negative จาก Stable หลังจากได้ลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยในไม่กี่วันก่อน
• กนง. ลดดอกเบี้ย 25bps คาด GDP ไทยปี 68 และ 69 กรณี Lower Tariffs โต 2.0% และ 1.8% ตามลำดับ กรณีแย่ Higher Tariffs คาด โต 1.3% และ 1.0% ตามลำดับ และเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเข้าสู่ Technical Recession
• สศค. ลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 68 ลงสู่ 2.1% จาก 3.0% กดดันจากด้านการค้าโลก มาตรการภาษีสหรัฐฯ และ ศก. ประเทศคู่ค้าชะลอตัว
• รมว. ท่องเที่ยวฯ ยอมรับการท่องเที่ยวไทยเข้าสู่วิกฤต หลังจำนวน นทท. ต่างชาติสะสมปี 2568 ที่ 11,841,911 คน ขยายตัวเพียง 0.12%YoY หารือกับ แอตต้า, สมาคมโรงแรมไทย และ สทท. แก้ไขปัญหาความปลอดภัยในการเดินทางมาไทย
• ประมาณการครั้งแรกของ 1Q68 GDP สหรัฐฯ หดตัว 0.3%QoQ ผิดจากที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัวและพลิกจากไตรมาสก่อนที่ +2.4%QoQ กดดันจากการเร่งนำเข้าก่อนที่มาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์จะมีผล
• BoJ คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ตามคาด และหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจปีลงสู่ 0.5% จาก 1.1% และเงินเฟ้อพื้นฐานสู่ 2.2% จาก 2.4%
• บลจ. พร้อมขายกองทุน ThaiESGX ระหว่างวันที่ 2-8 พ.ค. นี้ ด้วยวงเงินใหม่และได้สิทธิ์ลดหย่อยภาษีปี 2568 ได้สูงสุด 3 แสนบาท และให้ผู้ถือหน่วย LTF สับเปลี่ยนกองทุนได้ระหว่างวันที่ 13 พ.ค. – 30 มิ.ย. นี้
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 1) กนง. มีมติปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps และ 2) ความคาดหวังเชิงบวกต่อ ปธน. ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐจะมีท่าทีผ่อนคลายลงเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะกับจีน อีกทั้งยังมีความคืบหน้าการเจรจาการค้าอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดี ความไม่ชัดเจนของนโยบายภาษีของสหรัฐที่มีต่อเศรษฐกิจโลก อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นที่มีต่อแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการในช่วง 2Q68 ส่งผลให้บรรยากาศลงทุนจะยังเป็นไปอย่างระมัดระวังและทำให้ SET ปรับขึ้นได้จำกัด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET มีโอกาสปรับขึ้นจากความคาดหวังที่มีต่อการประชุมของ กนง. ซึ่งอาจมีมติปรับลดดอกเบี้ยในวันพุธนี้ และการมีท่าทีผ่อนคลายลงเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐของ ปธน. ทรัมป์ อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนของนโบบายการค้าของสหรัฐยังทำให้ SET ปรับขึ้นได้จำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก และ 2 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 1Q68-2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เลือก ADVANC TRUE BTG CPF CPALL
2. หุ้น Undervalued ซึ่งซื้อขาย PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง แนะนำ GULF MTC CBG SPRC
3. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50 : ADVANC BDMS CPALL PTT และ SET100 : BCH BTG AP
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะนำเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกหาก กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แนะนำ กลุ่ม REITs (DIF), กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI), กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) และกลุ่มไฟฟ้า (GULF GPSC) และ 2) หุ้นปลอดภัยที่คาดต้านทานความเสี่ยงจากสงครามการค้าหากมีสัญญาณรุนแรงหรือยืดเยื้อมากขึ้น แนะนำ BCH CPALL GULF MTC OR และ TRUE
Daily top picks
AP : มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากเป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากดอกเบี้ยที่ปรับลง และและคาดเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SETESG Rating “AA” อีกทั้งเป็นหุ้นปันผลสูง โดยมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2567 หุ้นละ 0.60 บาท (XD 7 พ.ค.) คิดเป็น Div. Yield สูงราว 7.5% หนุนให้มีโอกาสเกิดแรงซื้อช่วงสั้น
TRUE: มองช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นยังปรับขึ้นช้ากว่า ADVANC และเป็นหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไรแข็งแกร่ง โดยคาด 1Q68 กำไรปกติจะเติบโต 364.7%YoY และ 4.7%QoQ พร้อมคาดพลิกมีกำไรสุทธิได้ใน 2Q68 อีกทั้งยังมี Upside จากประมูลคลื่นความถี่ นอกจากนี้ผลประกอบการน่าจะได้รับผลกระทบจำกัดจากภาษีการค้าสหรัฐ
Slowing around resistance
The SET rose close to resistance at 1205-1215, and we expect a short-term slowing after the strong rise after the MPC’s interest rate cut. There may at the same time be pressure after Moody’s cut the credit outlook for large Thai banks. Support is at 1190-1180.
Today’s highlights
• Moody's downgraded the outlook for seven Thai financial institutions from Stable to Negative following the downgrade of Thailand's government credit rating a few days earlier.
• The BoT's MPC cut interest rates by 25bps. Thailand's GDP forecast for 2025 in a lower tariff scenario is for growth of 2.0% and for 2026, growth is put at 1.8%. In the higher tariff scenario, growth is put at 1.3% in 2025 and 1.0% in 2026. The US economy is likely heading towards a technical recession.
• The FPO lowered Thailand's economic growth forecast for 2025 to 2.1% from 3.0%, citing pressure from global trade, US tariff measures and slowdown in trading partner economies.
• The Minister of Tourism and Sport admits Thailand is seeing a tourism crisis, with arrivals in 2025 reaching only 11,841,911, growth of just 0.12% YoY. Discussions are ongoing with ATTA, the Thai Hotel Association and the Tourism Council of Thailand to address safety concerns for travellers to Thailand.
• US first estimate for 1Q25 GDP showed a contraction of 0.3%QoQ, contrary to market expectations of expansion and reversing from the prior quarter's +2.4% QoQ. GDP is being pressured by hastening imports before Trump's tariffs take effect.
• BoJ maintained its policy rate at 0.50% as expected, while cutting its economic growth forecast to 0.5% from 1.1% and core inflation forecast to 2.2% from 2.4%.
• Asset management companies are ready to sell ThaiESGX funds between May 2-8 with new investment limits and 2025 tax benefits up to Bt300,000. LTF unitholders can switch funds between May 13-June 30.
Strategy today
In the short term the SET is expected to climb on: 1) the MPC’s 25 bps cut in policy interest rate and 2) hopes that Trump will ease his stance on tariffs, especially to China, with some real progress in negotiations. However, the uncertainty of US tariffs and the hit to the world economy may deteriorate confidence on 2Q25 earnings growth, creating greater caution in investment and limiting the SET’s upside. Our investment strategy remains "Selective Buy".
Trading today
The SET moved up strongly after the MPC cut policy interest rate on Wednesday and may continue to move up in hopes of an easing stance by Trump on tariffs. At the same time, uncertainty continues to limit SET upside. Our investment strategy is for "selective buy" in two main themes and one trading theme with specific positive factors:
1. Earnings plays with profit expected to grow through 1H25 and core profit growing both YoY and QoQ – ADVANC, TRUE, BTG, CPF and CPALL.
2. Undervalued stocks with 2025F PER and PBV below -1SD, profit growth expected in 2025 and solid financially – GULF, MTC, CBG and SPRC.
3. Stocks expected to be targets of ThaiESGX: 1) 2025 profit expected to grow, 2) strong financial position and 3) steady dividends with yield of at least 3% - on SET50 are ADVANC, BDMS, CPALL and PTT and on SET100 are BCH, BTG and AP.
4. Trading idea: For high-risk-takers, we recommend: 1) stocks expected to benefit if the MPC cuts interest rate – REITs (DIF), Commerce (CPALL), Property (AP and SIRI), Leasing (MTC ) and Utilities (GULF and GPSC), and 2) safe-haven stocks expected to be shielded from the trade war even if it escalates – BCH, CPALL, GULF, MTC, OR and TRUE.
Daily top picks
AP: Price has a short-term catalyst from lower interest rate. It is expected to be a target of ThaiESGX funds, with SETESG rating of AA. AP also pays a high dividend with 2024 DPS of Bt0.60 (XD on May 7), yield of 7.5%. We expect short-term buying.
TRUE: In the last three months, price movement has lagged ADVANC, though it has strong profit momentum. 1Q25 core profit is expected to grow 365%YoY and 4.7%QoQ, and we 2Q25 net profit to move into the black. There is upside from the license auction and it is well shielded from US tariffs.
Download EN version click >> Daily250502_E.pdf
