สวัสดีตอนเช้า - 9 เม.ย. 2568

ผันผวนต่อ สถานการณ์น่าเป็นห่วง

 

ประเด็นสำคัญ

• เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 104% ในวันพุธที่ 9 เม.ย. เวลา 01 น.ตามเวลาไทย อย่างไรก็ดีล่าสุดจีนยืนยันจะต่อสู้ถึงที่สุดและไม่ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 34% ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่ 10 เม.ย. นี้
• รัฐมนตรีคลังสหรัฐเผยตั้งแต่ปธน. ทรัมป์ประกาศมาตรการเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ ขณะนี้มีรัฐบาลเกือบ 70 ประเทศได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอเจรจาการค้ากับสหรัฐ ซึ่งอาจใช้เวลาเจราจานานหลายเดือน
• นายกรัฐมนตรีแจ้งพรรคร่วมรัฐบาลขอเลื่อนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.Entertainment Complex ที่จะเข้าสภาฯ ออกไปสมัยประชุมหน้า เพราะประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาหลายเรื่องที่จะต้องรีบแก้ปัญหา อาทิ มาตรการภาษีของสหรัฐ และแผ่นดินไหว
• ครม. มีมติอนุมัติมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง เหลือ 0.01% มีผลตั้งแต่วันที่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา-30 มิ.ย. 69 สำหรับบ้าน-คอนโดมิเนียมไม่เกิน 7 ลบ. เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ หวังเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่นๆ หนุนเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง
• สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในเกณฑ์ซบเซา จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ การถดถอยของศก. ในประเทศ และสงครามการค้า
• รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเผยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาไทยตั้งแต่ 1 ม.ค. ถึง 6 เม.ย.68 มีกว่า 10 ล้านคน โดยช่วง 31 มี.ค.-6 เม.ย. 68 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 2.87%WoW จากหลายประเทศในยุโรปปิดภาคเรียนทำให้กลุ่มตลาดระยะไกลเข้ามาเพิ่มขึ้น

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวนต่อเนื่อง เป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรการภาษีของสหรัฐที่คาดจะส่งผลต่อการปรับลดประมาณการ GDP และผลประกอบการของ บจ. ทั่วโลก รวมไปถึงท่าทีของเฟดที่อาจจะไม่ชัดเจน ทั้งนี้เป็นผลจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่อาจจะลดลงช้ากว่าที่คาดการณ์จากประเด็นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ซึ่งอาจจจะทำให้ตลาดผิดหวัง เพราะตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่จีนคาดยังได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบจากสงครามการค้าได้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

‎Weekly Portfolio: จากความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ความผันผวนของ SET ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มจะเอียงไปทางด้าน Downside โดยเฉพาะในช่วงที่มีการตอบโต้ทางภาษีระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีนเพิ่มเติม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY  2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50 : ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100 : BCH BTG
2. หุ้น Undervalued คัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายกองทุน โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) มีความสามารถจ่ายดอกเบี้ยสูง 3) ซื้อขายที่ PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 2% และ 5) มี SET ESG Rating ระดับ A-AAA แนะนำ MTC MINT BJC CPF
3. Trading Idea :  นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนำ หุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลักซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร

 

Daily top picks

‎‎ADVANC: มองเป็นหุ้น Defensive ซึ่งกำไรเติบโตได้ต่อเนื่อง โดย 1Q68 คาดกำไรจะเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง YoY (จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักท่องเที่ยว) และ QoQ (จากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลดลง) หนุนให้ปี 2568 คาดมีกำไร 38.5 พันลบ. เติบโต 10.5%YoY อีกทั้งมองมีโอกาสเพิ่มกำไรจากการประมูลใบอนุญาตที่กำลังจะมาถึง 

 

BCH: มองเป็นหุ้น Defensive ซึ่งปีนี้คาดกำไรปกติจะเติบโตดีสุดในกลุ่มการแพทย์ที่ 15%YoY โดยได้แรงหนุนจากการดำเนินงานที่เติบโตเพิ่มขึ้น การเพิ่มบริการใหม่ๆ และผลขาดทุนที่ลดลงจากโรงพยาบาลใหม่ทั้ง 3 แห่ง อีกทั้ง Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER 68F ระดับ 20.8 เท่า คิดเป็น -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต

 

 Volatility continuing, worrisome situation

We expect the SET to be volatile. Investors are in risk-off mode on worries about Trump’s tariffs, which take effect April 9, as well as retaliatory tariffs between the US and China, upending hopes of possible negotiations. Meanwhile, the baht weakened to a five-month low, indicating continued capital outflows. Support is put at 1060-1050 with resistance at 1080-1090.

 

Today’s highlights

• White House officials confirmed the US will impose 104% tariffs on Chinese imports on Wednesday, April 9, at 11:01 am Thai time. China accuses the US of bullying and says it will fight to the end and not cancel its 34% tariff on US imports, effective from April 10.
• The US Treasury Secretary said that since Trump announced major tariffs, nearly 70 countries have contacted the US to request trade negotiations, which may take several months.
• The Prime Minister told coalition parties the Entertainment Complex bill will be moved to the next parliamentary session because the country is facing several urgent issues including the US tariffs and the earthquake.
• The Cabinet approved measures reducing transfer and mortgage fees to 0.01%, effective from the date of publication in the Royal Gazette until June 30, 2026, for homes and condos not exceeding Bt7mn baht to stimulate the real estate sector, hoping to link with other businesses to support continued economic growth.
• The Thai Capital Market Business Council reports that the investor confidence index for three months ahead remains subdued due to international conflicts, domestic economic recession and Trump’s trade war.
• The Tourism and Sports Minister reports foreign tourists from January 1 to April 6 exceeded 10mn. In the week of March 31-April 6, foreign tourist numbers increased 2.87% WoW as many European countries were on term holidays, increasing long-haul arrivals.

 

Strategy today

In the short term the SET is expected to fluctuate due to Trump’s tariffs, which are expected to erode GDPs and earnings around the globe. The Fed’s stance is unclear as the tariffs may cause inflation to decline slower than expected. This may disappoint the market, which was hoping for interest rate cuts to support the economy. China’s economic stimulus is expected to still benefit its economy and may offset some trade war impact. Investment strategy is "Selective Buy".

 

Trading today

The SET will be highly volatile due to uncertainty and may lean to the downside, especially in view of possible retaliation between the US and China and other trading partners. We recommend strategies across two themes and a trading idea with positive individual factors:

1. Stocks expected to be targets of ThaiESGX: 1) 2025 profit expected to grow, 2) strong financial position and 3) steady dividends with yield at least 3% - on SET50 are ADVANC, BBL, BDMS, CPALL and PTT and on SET100 are BCH and BTG.
2. Undervalued stocks in SET100 that are expected to be targets of mutual funds with: 1) 2025 profit expected to grow, 2) ability to service debt, 3) low valuation with PER and PBV 2025F below -1SD, 4) dividend yield of at least 2% and 5) SETESG Ratings of A-AAA – MTC, MINT, BJC and CPF.
3. Trading idea: For high risk-takers who want to speculate during the escalation of the trade war, recommend stocks whose revenue is predominantly domestic, are able to set priced and pass on costs, and benefit from lower oil price and interest rate – BCH, CPALL, CPAXT, GULF, MTC, OR and TRUE. We recommend avoid sectors that are directly affected via exports to the US: electronic components, automotive, rubber, agricultural products and jewelry, and those who are indirectly affected via troubled trade: industrial estates, tourism and banks.

Daily top picks

ADVANC: Viewed as a defensive stock with steady profit growth. Profit growth in 1Q25 is expected to be strong YoY from ongoing recovery in tourism and QoQ from lower marketing expenses. We forecast 2025F profit of Bt38.5bn, growing 10.5% YoY. There is potential for additional profit from the upcoming license auction.

 

BCH: Viewed as a defensive stock with this year's profit expected to grow best in the healthcare sector at 15% YoY, supported by improved operations, new services and lower losses at three new hospitals. Valuation is not expensive, trading at 2025F PER of 20.8x, representing -2SD of historical average PER.

 

Download PDF Click > Daily250409_E.pdf