ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปิดตัวสูงขึ้น หลังจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร (UK) ตกลงกรอบข้อตกลงทางการค้า สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและส่งผลดีต่อตลาดหุ้น ทั้งนี้ ผลประกอบการในตลาดหุ้นกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม สะท้อนภาพการชะลอตัวหรือระมัดระวังมากขึ้นของผู้บริโภค เรามองว่าภาพนี้จะยังคงดำเนินต่อหากสงครามภาษียังไม่คลี่คลาย ดังนั้น เรายังคงแนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่ม Cyclical ไปก่อน
บทสรุป
กระแสเงินในวันที่ 6 พ.ค. 2025 พบว่า 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน 2) กระแสเงินในจีนผันผวน มีแรงขายจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด 3) มีแรงซื้อในตลาดยุโรปจากมาตรการภาครัฐ เช่นเดียวกับตลาดเอเชีย 4) มีแรงขายในโลหะมีค่าหลังภาพการเจรจาภาษีคืบหน้าทำให้ตลาดคลายความกังวล 5) มีแรงขายในกลุ่ม Healthcare โดยเฉพาะในกลุ่ม Biotech และ Pharma จะนโยบายภาษีของสหรัฐและท่าทีของ FDA ที่อาจจะเข้มงวดต่อวัคซีนมากขึ้น 6) เห็นแรงเก็งกำไรในกลุ่ม Semiconductor หลังท่าทีของผู้ประกอบการ Cloud ยังไม่ปรับลด Capex
Maersk ปรับลดคาดการณ์ตลาดขนส่งทั่วโลก (หดตัว 1% ถึงโต 4% ในปี 2025) เพราะเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ไม่แน่นอน สงครามการค้าทำจีน-สหรัฐฯ ดูผ่อนคลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จีนยังแข็งกร้าวต่อสหรัฐฯ ย้ำในการเคารพต่อกันอย่างชัดเจน ส่งผลให้มีความเป็นไปได้ที่การเจรจาจะยืดเยื้อ ดังนั้น ระยะสั้นแบงก์น่าเก็งกำไรหากสถานการณ์ดูดีขึ้น ในระยะกลางถึงระยะยาวควรถอยเน้นตั้งรับ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต
Social Media งบโตดี (เช่น PINS: รายได้และกำไรโต, ผู้ใช้และรายได้ต่อผู้ใช้เพิ่ม, หนุนด้วย AI) แต่การลงทุน AI กดดัน EPS ส่วน E-commerce งบผสม (SHOP: รายได้ดีแต่กำไรต่ำ, AFRM: กำไรดีแต่หุ้นลงเพราะกังวลเศรษฐกิจ) ทั้งนี้ สองกลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวและ Tariff แต่ระยะสั้นหุ้น Social Media โดยเฉพาะ META ยังเก็งกำไรได้
งบกลุ่มเซมิฯ งบโตช้าพร้อมปรับคาดการณ์ลง SMIC กำไรโตแต่ต่ำกว่าคาด พร้อมคาดรายได้ลดลง 2Q25 Hua Hong รายได้โตแต่กำไร/มาร์จิ้นหด Infineon รายได้/กำไรลด AI โตแต่การลงทุนเพิ่มและกลุ่มยานยนต์ฟื้นช้ากดดันกำไรในระยะข้างหน้า กลุ่มเซมิฯเจอแรงกดดัน (การโตช้าลงตั้งแต่ก่อน Tariff, ภาษีต่อกลุ่มเซมิฯ, ความต้องการไม่แน่นอนในระยะถัดไป) เรามองว่าฟื้นตัวอ่อนแอ ยังไม่น่าลงทุน
ระยะสั้น ตลาดยังคงมีความผันผวนจากประเด็น Tariff ที่ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้เรายังแนะระมัดระวังภาพการลงทุน ที่ถึงแม้ระยะสั้นตลาดจะ Risk on ขึ้นหลังหลายประเทศมีการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ และพัฒนาการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น สหรัฐฯ – สหราชอาณาจักร แต่ในระยะกลาง-ยาว ยังคงมีความเสี่ยงจากท่าทีทรัมป์ที่ไม่แน่นอน ด้วยภาพนี้ในช่วงนี้ 1) ตลาดสหรัฐฯ เราแนะเก็งกำไรสั้นๆ หากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีความคืบหน้ามากขึ้น เราชอบกลุ่มธนาคารและเลือก Bank of America (TP: 48.2 USD) 2) หากสงครามการค้ายืดเยื้อ แนะนำตั้งรับมีแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกต่ำ เราชอบกลุ่ม Telecom และเลือก AT&T (TP: 28.3 USD)