PDF Available  
Global Morning Routine

Global Morning Routine - 2 พ.ค. 2568

By สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา|2 May 25 12:19 PM
สรุปสาระสำคัญ

ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นทั่วโลก นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หนุนโดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Microsoft (MSFT) และ Meta (META) ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ส่งสัญญาณชะลอตัว อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นน่าจะเห็นความคืบหน้าในการเจรจาทางภาษีระหว่างจีนและสหรัฐฯ แต่ยังคงไม่แน่นอน ดังนั้นในระยะกลางถึงยาวเรายังคงแนะนำให้นักลงทุนตั้งรับผ่านธีมการลงทุน 3D

บทสรุป

 

กระแสเงินในวันที่ 28 เม.ย. 2025 พบว่า 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน 2) กระแสเงินในตลาดหุ้นจีนมีความผันผวน 2) กระแสเงินในจีนผันผวน มีแรงซื้อจากผลประกอบการ 1Q25 ที่ฟื้นตัว 3) มีแรงซื้อในตลาดญี่ปุ่น 4) มีแรงขายในกลุ่มเทคโนโลยี เริ่มมีแรงซื้อกลับในกลุ่ม Software แต่ขายใน Semiconductor 5) มีแรงขายในโลหะมีค่าจากตลาดหุ้นฟื้นตัวทำให้ตลาดขายทำกำไรโลหะมีค่าโดยเฉพาะทองคำ 6) มีแรงซื้อในกลุ่มการเงินจากประเด็นภาษีที่คลี่คลายมากขึ้น 7) มีแรงซื้อในหุ้นธีม Growth เพราะตลาดต้องการการเติบโตในช่วงเวลาที่มีความผันผวนและอาจจะต้องการความเร็วเมื่อตลาดฟื้นตัว

 

งบ MSFT 1Q25 ดีกว่าคาดจากการเติบโตของ Cloud และ AI โดยเฉพาะ Azure และ Copilot ขณะที่ยังคง CAPEX สูงสะท้อนความเชื่อมั่นในดีมานด์ AI ด้าน AMZN แม้งบดีกว่าคาดแต่ถูกกดดันจาก AWS โตต่ำและความกังวลด้านภาษี ทำให้แนะลงทุน MSFT ต่อเนื่องและหลีกเลี่ยง AMZN ชั่วคราว พร้อมจับตาความเสี่ยงจากนโยบายการค้าโดยเฉพาะภายใต้ Trump.

 

Apple รายงานงบดีเกินคาดจากรายได้และกำไรที่โต YoY แต่ราคาหุ้นถูกกดดันจากอัตรากำไรผลิตภัณฑ์ต่ำกว่าคาด รายได้จีนชะลอ การเติบโตของบริการลดลง และความล่าช้าใน AI ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงจากภาษีและห่วงโซ่อุปทาน ทำให้เรามองว่าควรหลีกเลี่ยงการลงทุนใน AAPL ช่วงนี้

 

META รายงานงบ 1Q25 ดีกว่าคาดจากรายได้และกำไรที่โตแข็งแกร่ง หนุนโดยรายได้โฆษณาและการควบคุมต้นทุน พร้อมเพิ่ม CAPEX ด้าน AI และเปิดตัวแอปแข่งกับ ChatGPT ขณะที่ระยะสั้นยังน่าเก็งกำไร แต่ระยะกลาง-ยาวยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอ การแข่งขันสูง และกฎระเบียบที่เข้มงวด.

 

ผลประกอบการของกลุ่มเซมิฯ มีทิศทางผสมผสาน โดยกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น อุปกรณ์ผลิตชิป ทดสอบ และ advanced packaging ยังมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่กลุ่ม smartphone เผชิญแรงกดดันจากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาด ภาษีนำเข้า และการจัดการสต็อกของลูกค้า ทำให้ต้องระวังการลงทุนในหุ้นอย่าง Apple, Qualcomm และ Samsung ในระยะสั้น.

 

HKEX รายงานกำไรและรายได้ 1Q25 สูงกว่าคาด ทำสถิติใหม่จากปริมาณซื้อขายและ IPO ที่เพิ่มขึ้น หนุนแนวโน้มเชิงบวกต่อเนื่อง ด้าน Yum China แม้กำไรและ margin ดีขึ้น แต่ยอดขายเติบโตช้าและเปิดสาขาน้อยกว่าคาด ส่งผลให้ราคาหุ้นตอบสนองลบ ส่วน Haier Smart Home กำไรโตแต่ต่ำกว่าคาดจากผลกระทบภายนอก แต่ยังมีแนวโน้มบวกจากนโยบายรัฐและการเป็นผู้นำตลาดในจีน.

 

อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ของจีนใน 1Q25 เผชิญแรงกดดันหนักจากราคาห่วงโซ่อุปทานต่ำและมาตรการกีดกันทางการค้าสหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น Longi, JinkoSolar, JA Solar และ Trina Solar ขาดทุนต่อเนื่อง การตั้งฐานผลิตในประเทศที่สามอาจช่วยบรรเทาภาษี แต่โดยรวมยังไม่เหมาะแก่การลงทุนในระยะนี้.

 

ระยะสั้น ตลาดคลายความกังวลจากประเด็นภาษีหลังสหรัฐฯและจีนมีแนวโน้มเจรจากันมากขึ้น ประกอบกับสหรัฐฯเริ่มเจรจาภาษีกับประเทศอื่นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีเราแนะเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง หลังมองภาพการลงทุนในระยะกลาง-ยาว ยังคงมีความเสี่ยงในเรื่อง Tariff เนื่องจากท่าทีสหรัฐฯและจีนยังคงมีความไม่แน่นอน ประกอบกับการเก็บภาษีแค่ถูกเลื่อน ไม่ได้ถูกยกเลิก ด้วยภาพนี้ทำให้เราแนะอยู่ในหุ้นที่คาดเผยงบ 1Q25 ดีและมีผลกระทบจาก Tariff ที่น้อยอย่าง 1) META (TP: 157.1 USD) 2) HKEX (TP:402 HKD) ที่ได้ประโยชน์จากมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้นในปีนี้

Author
Slide4
สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา

นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5