ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยตลาดสหรัฐฯ หลัง รมว. คลังสหรัฐฯ ชี้ความตึงเครียดด้านกำแพงภาษีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มีแนวโน้มผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ ปธน. ทรัมป์ เผยไม่เคยมีเจตนาจะยึดอำนาจความเป็นอิสระของธนาคารกลาง โดยไล่ นาย พาวเวลล์ ประธานเฟด ออกจากเก้าอี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงในระยะข้างหน้าจากการยกเลิกภาษี De Minimis และความไม่แน่นอนในการเจรจาภาษีทางการค้า
บทสรุป
กระแสเงินในวันที่ 21 เม.ย. 2025 พบว่า 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน 2) กระแสเงินในตลาดหุ้นจีนมีความผันผวน มีแรงขายออกมา 3) มีแรงซื้อในตลาด EM มองเป็นพัฒนาการที่หลายประเทศจะไปเจรจากับสหรัฐเพื่อลดภาษี 4) มีแรงขายในกลุ่มเทคโนโลยี ในกลุ่ม Software จากความกังวลบนภาพของค่าใช้จ่ายด้าน IT 5) มีแรงขายในกลุ่มการเงินและกลุ่มพลังงานจากผลของการเติบโจของเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 6) มีแรงซื้อในหุ้นขนาดเล็กจากผลกระทบน้อยกว่าบริษัทขนาดใหญ่ 7) มีแรงซื้อในโลหะมีค่ามองเป็นเรื่องของค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าและความคาดหวังเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
Tesla เผยงบอ่อนแอ แต่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น ซึ่งเราประเมินว่าราคาหุ้นตอบสนองต่อความคาดหวัง Elon Musk ที่จะลดบทบาทการทำงาน DOGE ลงมากกว่า ขณะที่ในระยะถัดไป เรามองว่าราคาอาจฟื้นตัวตาม Sentiment ของ Elon musk และแนวโน้มธุรกิจใหม่เป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี เรายังคงไม่แนะนำลงทุนหลังเชื่อว่าแนวโน้มและปัจจัยพื้นฐานของ TSLA ยังอ่อนแอหลังยังมีแรงกดดันจาก Tariff, แรงซื้อที่ชะลอตัว,การแข่งขันในอุตฯ
กลุ่ม Defense อย่าง Lockheed Martin, RTX, Northrop Grumman เผยงบ 1Q25 ในทิศทางผสมและกังวลต่อแนวโน้มที่จะมีแรงกดดันจาก Tariff ประกอบกับท่าทีการปรับลดงบประมาณของสหรัฐฯ ที่ทำให้แนวโน้มธุรกิจไม่ดีเช่นเดียวกัน ด้วยภาพแนวโน้มที่อ่อนแอและมีแรงกดดันหลายปัจจัย ทำให้เราไม่แนะนำกลุ่ม Defense และแนะอยู่บนกลุ่ม Commercial อย่าง Airbus ซึ่งมีตำแหน่งธุรกิจดีกว่า Boeing ด้วยเช่นกัน
iFlytek เผยว่าโมเดล AI Xinghuo X1 ที่ใช้ชิป Huawei สามารถเทียบเท่า OpenAI และ DeepSeek โดยไม่พึ่ง Nvidia แล้ว ประสิทธิภาพชิป Ascend 910B พุ่งแตะ 80% ของ Nvidia ช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐฯ แนวโน้มนี้อาจกระทบกลุ่มชิปสหรัฐฯอย่าง Nvidia และ AMD และเป็นบวกต่อผู้ผลิตชิปจีน อย่าง Huawei, SMIC, Hua Hong, Cambricon
ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีนโต 36%YoY ใน Q1/2025 แม้เจอแรงกดดันด้านภาษีจากสหรัฐฯ โดย NEV คิดเป็น 51% ของยอดขายรถใหม่ในมี.ค. BYD ยังนำตลาด ส่วน Geely โตเร็วจากกลยุทธ์ราคาคุ้มค่า ขณะที่ Huawei รุกหนักในซอฟต์แวร์รถอัจฉริยะและตั้งเป้าขายรถ HIMA ให้ถึง 1 ล้านคันในปี 2025 เรายังคงแนะ BYD ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุด และGeely ที่มีการปรับตัวในตลาดจีนที่มีการแข่งขันสูงได้ดี
เราคาดตลาดยังคงผันผวนในระยะสั้นจากปัจจัย Macro อย่าง Trade war มากกว่า Micro ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่จะประเมินท่าทีทรัมป์ ทำให้เราแนะติดตามทิศทางและเน้นตั้งรับเป็นสำคัญโดยแนะ 1) PM (TP: 157.1 USD) คาดงบดีกว่าคาดจากแรงซื้อเฉพาะตัวและมองผลกระทบ Tariff จำกัด 2) VZ (TP:157 USD) มองผลกระทบ Tariff จำกัดและมีความผันผวนกับเศรษฐกิจน้อย
