FTREIT รายงานกำไรปกติ 3QFY67 ที่ 663 ลบ. เพิ่มขึ้น 3.9% QoQ และ 7.6% YoY โมเมนตัมกำไรปกติ 9MFY67 เป็นไปตามคาด อย่างไรก็ตาม เราปรับประมาณการกำไรปกติปี FY2568 เพิ่มขึ้น 1.2% สู่ 2.7 พันลบ. เพื่อสะท้อนการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมและสมมติฐานอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้น เรายังคงชอบ FTREIT เนื่องจาก:
1) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 7.1% ในปี FY2568
2) แนวโน้มเป็นบวก ซึ่งสะท้อนให้เห็นจาก FDI และการขอ BOI ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน และ
3) INVX คาดว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหน่วยทรัสต์ เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ FTREIT โดยปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี FY2568 อ้างอิงวิธี DDM เพิ่มขึ้นจาก 11 บาท/หน่วย เป็น 12.5 บาท/หน่วย (WACC 5.7% และการเติบโตระยะยาว 0.3%) เราใช้สมมติฐาน terminal value กับ FTREIT เนื่องจากพื้นที่ให้เช่า 72% ของกองทรัสต์เป็นพื้นที่ประเภทถือกรรมสิทธิ์
สรุปผลประกอบการ 3QFY67 FTREIT รายงานกำไรสุทธิ 3QFY67 (เม.ย.-มิ.ย. 2567) ที่ 615 ลบ. เพิ่มขึ้น 11.9% QoQ แต่ลดลง 8.4% YoY FTREIT บันทึกขาดทุนจากเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (รายการที่ไม่ใช่เงินสด) จำนวน 48 ลบ. ในไตรมาสนี้ หากตัดรายการนี้ออก พบว่ากำไรปกติอยู่ที่ 663 ลบ. เพิ่มขึ้น 3.9% QoQ และ 7.6% YoY โดยกำไรปกติที่เพิ่มขึ้น QoQ หลักๆ ได้รับปัจจัยหนุนจากค่าซ่อมบำรุงที่ลดลง ในขณะที่กำไรปกติที่เพิ่มขึ้น YoY เกิดจากรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นจากการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในปีที่ผ่านมา โดยรวมแล้ว กำไรปกติ 9MFY67 คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรปกติปี FY2567 ของเรา ซึ่งเป็นไปตามคาด
อัพเดทการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม FTREIT ประกาศเข้าซื้อทรัพย์สินเพิ่มเติมจาก FPT ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนของกองทรัสต์ ในมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 874 ลบ. แบ่งเป็น 757 ลบ. ในอาคารโรงงาน (8 ยูนิต โดยมี NLA ที่ 25,350 ตร.ม.) และ 117 ลบ. ในอาคารคลังสินค้า (2 ยูนิต โดยมี NLA ที่ 5,462 ตร.ม.) แหล่งเงินทุนจะมาจากเงินกู้ยืมระยะสั้น และคาดว่าจะสามารถเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวได้แล้วเสร็จภายในเดือนก.ย. 2567 การลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนในทรัพย์สินประเภทถือกรรมสิทธิ์ ซึ่งอัตราการเช่าพื้นที่ในปัจจุบันอยู่ที่ 100% ข้อมูลอัพเดตล่าสุดจากผู้จัดการกองทรัสต์บ่งชี้ว่าจะไม่มีการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มอีกในปี FY2567
แนวโน้มเป็นบวก โดยเฉพาะในส่วนของโรงงาน เรายังคงเห็นความต้องการเช่าที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในส่วนของโรงงาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน ณ เดือนมิ.ย. 2567 อัตราการเช่าพื้นที่โดยรวมอยู่ที่ 85.9% เพิ่มขึ้นจาก 85.7% ในไตรมาสก่อนหน้า อัตราการเช่าพื้นที่โรงงานอยู่ที่ 88.8% เทียบกับ 88.5% ในขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่คลังสินค้าอยู่ที่ 83.8% เทียบกับ 83.7% ในช่วง 9MFY67 อัตราค่าเช่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ~1% โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มโรงงานเป็นหลัก (~45% ของรายได้ค่าเช่า) ในระยะถัดไป เราคาดว่าจะเห็นความต้องการเช่าพื้นที่โรงงานอย่างต่อเนื่องสืบเนื่องมาจากการย้ายฐานการผลิต ในขณะที่ความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าน่าจะทรงตัว
FDI และ BOI ใน 1H67 ช่วยยืนยันแนวโน้มเป็นบวก ตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการขอรับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยังคงแข็งแกร่ง โดย FDI ในแง่ของจำนวนโครงการ เพิ่มขึ้น 83% YoY สู่ 889 โครงการ และในแง่มูลค่า เพิ่มขึ้น 16% YoY สู่ 3.26 แสนลบ. ส่วนการขอ BOI เพิ่มขึ้น 37.3% YoY สู่ 1,451 โครงการ และมูลค่าเพิ่มขึ้น 26.9% YoY สู่ 4.76 แสนลบ.
ปรับประมาณการกำไรปี FY2568 เพิ่มขึ้น เราปรับประมาณการกำไรปกติปี FY2568 เพิ่มขึ้น 1.2% สู่ 2.7 พันลบ. (+1.6% YoY) และปี FY2569 เพิ่มขึ้น 2% สู่ 2.8 พันลบ. (+2%) เพื่อสะท้อนการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม และการปรับสมมติฐานอัตราการเติบโตของอัตราค่าเช่าโดยรวมเพิ่มขึ้นจาก 0.3% เป็น 1% เนื่องจากโมเมนตัมในช่วง 9MFY67 แข็งแกร่งกว่าคาดที่ 1% ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นอย่างเต็มที่ในปี FY2568
ความเสี่ยงและความกังวล เศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มคลังสินค้าเป็นหลัก นอกจากนี้การปิดโรงงานของค่ายรถยนต์ก็เป็นความเสี่ยงอีกประการหนึ่งที่ต้องติดตาม
|
||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก FTREIT240830_T
|