Trip.com Group Limited (NASDAQ: TCOM, HKEX: 9961) แพลตฟอร์มท่องเที่ยวระดับโลกจากจีนที่จดทะเบียนในทั้งสหรัฐฯ และฮ่องกง เติบโตจากบริการจองตั๋วในประเทศ สู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก ด้วยเครือข่ายข้อมูลโรงแรมกว่า 1.7 ล้านแห่ง สายการบินกว่า 600 สาย และบริการใน 24 ภาษา ผ่าน 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ Ctrip, Qunar, Trip.com และ Skyscanner แม้ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน บริษัทยังคงแสดงศักยภาพการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น โดยมียอดจองเที่ยวบินและโรงแรมต่างประเทศพุ่งเกิน 120% จากระดับก่อนโควิด และรายได้จากตลาดต่างประเทศเติบโตมากกว่า 60% สะท้อนความแข็งแกร่งของ Trip.com ในฐานะแกนนำของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยุคใหม่
Trip.com Group ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ภายใต้ชื่อ Ctrip.com โดยกลุ่มผู้ก่อตั้งนำโดย James Liang ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในระยะแรก บริษัทเริ่มต้นเป็นเพียงเว็บไซต์จองโรงแรมในประเทศจีน แต่ได้ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วสู่การจองตั๋วเที่ยวบินและบริการท่องเที่ยวอื่น ๆ ในปี 2003 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ ซึ่งถือเป็นบริษัทจีนรายแรกในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับการยอมรับในตลาดทุนสหรัฐอเมริกา
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นระหว่างปี 2010-2016 เมื่อบริษัทเริ่มขยายการลงทุนและการซื้อกิจการบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำ เช่น การซื้อ Qunar ในปี 2015 และ Skyscanner ในปี 2016 ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่ทำให้ Trip.com Group กลายเป็นแพลตฟอร์มท่องเที่ยวที่ครอบคลุมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ต่อมาในปี 2019 บริษัทเปลี่ยนชื่อจาก Ctrip.com International เป็น Trip.com Group เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวสู่ตลาดโลกอย่างจริงจัง และในปี 2021 บริษัทได้เข้าจดทะเบียนซ้อนในตลาดหุ้นฮ่องกง เพื่อเข้าถึงฐานนักลงทุนในเอเชียมากขึ้น
Trip.com Group มีโครงสร้างรายได้ที่กระจายความเสี่ยงได้อย่างดี โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ
บริการจองที่พักครอบคลุมโรงแรม รีสอร์ท โฮมสเตย์ และที่พักประเภทต่างๆ กว่า 1.7 ล้านแห่งทั่วโลก ถือเป็นแกนหลักในการสร้างรายได้ของบริษัท กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และพฤติกรรมการจองที่พักที่เปลี่ยนไปหลังยุคโควิด-19
บริการจองตั๋วเครื่องบินจากสายการบินกว่า 600 สาย ครอบคลุมสนามบินกว่า 220 ประเทศทั่วโลก กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการฟื้นตัวของการเดินทางระหว่างประเทศ และการคลายข้อจำกัดด้านการเดินทางทั่วโลก
บริการแพ็คเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจร ทั้งทัวร์กลุ่มและทัวร์ส่วนตัว ที่ตอบโจทย์ความต้องการประสบการณ์เฉพาะบุคคล กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากกระแสการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ และการมองหาทริปที่มีความเฉพาะตัวมากขึ้น
บริการบริหารจัดการการเดินทางสำหรับองค์กรและธุรกิจ ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการกลับมาของการเดินทางเพื่อธุรกิจ และความต้องการระบบจัดการแบบรวมศูนย์
บริการเสริม เช่น ประกันการเดินทาง การเช่ารถ และบริการที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การเดินทาง กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากความต้องการบริการครบวงจร (End-to-End Travel Solutions) และรายได้ recurring จากบริการเสริม
Trip.com Group วางกลยุทธ์การเติบโตผ่านการใช้ประโยชน์จาก Brand Portfolio ที่แข็งแกร่ง โดย Ctrip และ Qunar มุ่งเน้นตลาดจีนและเอเชีย ขณะที่ Trip.com และ Skyscanner เป็นแพลตฟอร์มสำหรับลูกค้าต่างชาติ การแบ่งแยกตลาดแบบนี้ช่วยให้บริษัทสามารถปรับแต่งบริการให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดแข็งที่สำคัญของ Trip.com Group คือระบบนิเวศแบบครบวงจร (One-Stop Platform) ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของนักเดินทาง ตั้งแต่การค้นหาข้อมูล การจอง การชำระเงิน ไปจนถึงการบริการหลังการขาย ซึ่งสร้างความสะดวกสบายและเพิ่มความผูกพันของลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยี AI และ Machine Learning เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน เช่น การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแบบ Personalized และระบบราคาแบบ Dynamic Pricing ที่ปรับเปลี่ยนขึ้นลงตามความต้องการของลูกค้าและปริมาณสินค้า
ความสามารถในการให้บริการหลายภาษาและรองรับสกุลเงินต่าง ๆ ทำให้ Trip.com Group สามารถเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันให้บริการใน 24 ภาษาและ 35 สกุลเงิน ซึ่งเป็นความได้เปรียบที่สำคัญในการแข่งขันในตลาดโลก
เทียบกับ Booking Holdings (BKNG) ในสหรัฐอเมริกา : Booking Holdings ซึ่งเป็นเจ้าของ Booking.com, Priceline และ Kayak มุ่งเน้นตลาดยุโรปและอเมริกา โดยมีรายได้หลักจากธุรกิจ OTA (Online Travel Agency) ที่ใช้ Commission Model เช่นเดียวกับ Trip.com Group ซึ่งเป็นเจ้าของ Ctrip, Trip.com, Qunar และ Skyscanner ที่มีโมเดลธุรกิจคล้ายกันในการเป็นแพลตฟอร์มจองโรงแรมและบริการท่องเที่ยว แต่ต่างกันที่ Booking Holdings เน้นการเติบโตผ่านการซื้อกิจการ ขณะที่ Trip.com Group เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและขยายตลาดแบบ organic อีกทั้ง Trip.com Group ยังมีความยืดหยุ่นในการตั้งราคา ด้วยการใช้ทั้ง Commission และ Merchant Model และมีรายได้จากธุรกิจแพ็คเกจทัวร์และการเดินทางเพื่อองค์กรซึ่ง Booking Holdings ให้ความสำคัญน้อยกว่า
เทียบกับ ERW (The Erawan Group): ในตลาดไทย แม้ ERW ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม Hop Inn, Grand Hyatt Erawan และ Novotel จะไม่ใช่แพลตฟอร์ม OTA โดยตรงเหมือน Trip.com Group แต่ทั้งสองต่างมีบทบาทในระบบนิเวศการท่องเที่ยว และมีช่องทางออนไลน์ของตนเอง เช่น hopinnhotel.com ที่เปิดให้ลูกค้าจองที่พักโดยตรง จุดเหมือนคือการใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงลูกค้าและสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยว แต่โมเดลธุรกิจแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย ERW เป็นผู้ให้บริการที่พักโดยตรง รายได้ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องพักและทำเล ขณะที่ Trip.com Group เป็นแพลตฟอร์มตัวกลางที่เชื่อโยงระหว่างลูกค้ากับผู้ให้บริการ ที่มีความยืดหยุ่นสูงกว่า และสามารถกระจายรายได้จากตลาดทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ Trip.com Group จะมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ได้แก่ การแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดโลก เช่น Booking Holdings และ Expedia Group ที่มีฐานในตลาดตะวันตกที่แข็งแกร่ง การเปลี่ยนแปลงของนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการเดินทางระหว่างประเทศ ความผันผวนของสกุลเงินที่อาจส่งผลต่อรายได้ในต่างประเทศ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลต่อความต้องการในการเดินทาง นอกจากนี้ การพึ่งพารายได้หลักจากตลาดจีนยังคงเป็นความเสี่ยง หากเกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศ
Trip.com Group มีโอกาสการเติบโตที่น่าสนใจในหลายมิติ โดยเฉพาะการขยายตัวในตลาดต่างประเทศที่ยังมีศักยภาพสูง การลงทุนในเทคโนโลยี AI และ Machine Learning จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและลดต้นทุนดำเนินงาน การพัฒนาบริการใหม่ ๆ เช่น การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และ การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ เปลี่ยนเป็นภาษาไทย ที่ตอบสนองความต้องการของนักเดินทางรุ่นใหม่ นอกจากนี้ แนวโน้มการฟื้นตัวของการเดินทางระหว่างประเทศหลังจากโควิด-19 รวมถึงการเติบโตของชนชั้นกลางในประเทศเอเชียกำลังพัฒนา จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว บริษัทยังมีแผนขยายการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น Virtual Reality สำหรับการทัวร์เสมือนจริง และระบบ Blockchain สำหรับการจัดการข้อมูลและการชำระเงินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
สนใจลงทุนในหุ้น Trip.com Group (Ticker:TCOM หรือ DR: TRIPCOM80) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน