CrowdStrike Holdings (CRWD) บริษัท Cyber security สัญชาติอเมริกันที่จดทะเบียนใน NASDAQ โดดเด่นจากแพลตฟอร์ม Falcon ซึ่งใช้ AI ป้องกันภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ แม้เคยเผชิญปัญหาจากการอัพเดตระบบที่ส่งผลกระทบทั่วโลก CrowdStrike ก็สามารถพลิกฟื้นและเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยโซลูชันอย่าง Next-Gen SIEM และการขยายตลาดทั่วโลก ปัจจุบันบริษัทกลายเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับองค์กร ด้วยแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงข้อมูล ความเร็ว และความแม่นยำเข้าไว้ด้วยกัน CrowdStrike จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในหุ้นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่นักลงทุนทั่วโลกจับตา
CrowdStrike ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 โดย George Kurtz ผู้ที่มีประสบการณ์ยาวนานในวงการ Cyber Security ซึ่งเล็งเห็นว่าธรรมชาติของปัญหา Cyber Security ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่วิธีการแก้ไขยังล้าสมัย จึงตัดสินใจสร้างแพลตฟอร์ม CrowdStrike Falcon เพื่อตรวจจับภัยคุกคามและหยุดการละเมิดระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนวคิดหลักของ CrowdStrike คือการสร้างวิธีการรักษาความปลอดภัยแบบ multi-tenant และ cloud native (หนึ่งในแพลตฟอร์ม CrowdStrike) ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ ทำให้สามารถปกป้องระบบงานได้ทั้งในสภาพแวดล้อมแบบดั้งเดิม เสมือนจริง และคลาวด์ บนอุปกรณ์หลากหลายประเภท ตั้งแต่แล็ปท็อป ไปจนถึงอุปกรณ์ Internet of Things (IoT)
ในปี 2019 จุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัทเกิดขึ้นเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ทำให้สามารถระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจและพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปได้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากเหตุการณ์การอัพเดทซอฟต์แวร์ที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ทั่วโลกล่ม ในปี 2024 สร้างความเสียหายและความวุ่นวายในวงกว้าง ตั้งแต่ระบบการบินทั่วโลกไปจนถึงการให้บริการทางการเงินและการแพทย์ แต่บริษัทก็สามารถฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
CrowdStrike มีโครงสร้างรายได้ที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก
รายได้หลักของ CrowdStrike มาจากการให้บริการบนแพลตฟอร์ม Falcon ซึ่งประกอบด้วยโมดูลมากกว่า 30 โมดูล ที่ครอบคลุมทุกมิติของการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ เช่น Endpoint, Identity, Cloud, และ Threat Intelligence กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการเพิ่มขึ้นของภัยคุกคามไซเบอร์ทั่วโลก การโยกย้ายระบบขึ้นคลาวด์ และความต้องการโซลูชันแบบครบวงจรที่ใช้ AI ในการตรวจจับแบบเรียลไทม์
บริการให้คำปรึกษาเชิงลึกสำหรับลูกค้าองค์กร เช่น การตอบสนองต่อเหตุการณ์ (Incident Response), การล่าภัยคุกคามเชิงรุก (Managed Threat Hunting), และการอบรมด้านความปลอดภัย กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากความต้องการบริการเสริมที่เฉพาะทาง เพื่อเสริมความมั่นคงให้ระบบไซเบอร์ขององค์กรขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในภาวะที่ภัยไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น
รูปแบบรายได้แบบ SaaS (Software as a Service) นี้ช่วยให้ CrowdStrike มีกระแสเงินสดที่มั่นคงและสามารถคาดการณ์ได้ในระยะยาว เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะต่ออายุการใช้บริการและขยายการใช้โมดูลเพิ่มเติม ทำให้ Annual Recurring Revenue (ARR) เติบโตอย่างต่อเนื่อง
CrowdStrike มีจุดแข็งหลักจากการเป็นผู้บุกเบิกในการใช้ปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องจักรในวงการ Cyber Security แพลตฟอร์ม Falcon สามารถวิเคราะห์และตรวจจับภัยคุกคามได้แบบเรียลไทม์ ด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมจากลูกค้าทั่วโลก ทำให้มีความแม่นยำในการตรวจจับสูงและลดการแจ้งเตือนเท็จ กลยุทธ์การขยายตัวของบริษัทเน้นไปที่การเพิ่มจำนวนโมดูลที่ลูกค้าใช้งาน (Land and Expand Strategy) โดยเริ่มจากการขายโมดูลพื้นฐาน จากนั้นค่อยๆ แนะนำโมดูลเพิ่มเติมให้กับลูกค้าที่มีอยู่ ซึ่งมีต้นทุนการขายที่ต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป และ เอเชียแปซิฟิก จุดแข็งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง อย่างเช่น GuidePoint Security ที่ช่วยขยายการเข้าถึงลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ และการร่วมมือกับ Microsoft ในวันที่ 2 มิ.ย. 2025 ในการสร้างมาตรฐานการระบุกลุ่มแฮกเกอร์ (Threat Actor Attribution) ที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมทั้งหมดสามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับ Palo Alto Networks (PANW) ในสหรัฐอเมริกา: มีความเหมือนกันในการเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นทำธุรกิจด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยเฉพาะ ทั้งคู่ใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และมีรูปแบบรายได้หลักจากการให้บริการแบบสมาชิก พร้อมกับเน้นตลาดองค์กรขนาดใหญ่เป็นหลัก ความแตกต่างที่สำคัญอยู่ที่จุดเน้นของธุรกิจ โดย Palo Alto Networks มุ่งเน้นด้าน Network Security เป็นแกนหลัก ขณะที่ CrowdStrike เฉพาะเจาะจงด้าน Endpoint Security (การป้องกันอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายขององค์กร) และ Endpoint Detection and Response (เทคโนโลยีที่ทำหน้าที่ ตรวจจับ วิเคราะห์ และตอบสนอง ต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นบน endpoint ได้แบบเรียลไทม์) นอกจากนี้ Palo Alto Networks ยังมีธุรกิจ Hardware Appliances ควบคู่ไปกับ Cloud Services ในขณะที่ CrowdStrike เป็น Cloud-native platform 100% ตั้งแต่เริ่มต้น
เมื่อเปรียบเทียบกับ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (INET) เหมือนกับ CrowdStrike ตรงที่เน้นบริการด้านเทคโนโลยีสำหรับองค์กร มีรายได้หลักจากการให้บริการในรูปแบบต่อเนื่อง (Recurring Revenue) และให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลเป็นหลัก โดยเฉพาะผ่านบริการ INET MS (Managed Security Service) ความแตกต่างสำคัญอยู่ที่ CrowdStrike เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านCybersecurity ที่มุ่งเน้นเฉพาะด้าน Endpoint Security และการวิเคราะห์ภัยคุกคามไซเบอร์แบบเรียลไทม์ทั่วโลก ในขณะที่ INET มีธุรกิจหลักคือให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศไทยเป็นหลัก Cybersecurity จึงเป็นเพียงหนึ่งในบริการเสริมของ INET ที่ต่อยอดจาก Data Center และ Cloud Infrastructure ไม่ใช่ธุรกิจหลักแบบที่ CrowdStrike ทำแบบเจาะจงเชิงลึก
ความท้าทายและความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ
แม้ CrowdStrike จะมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดCyber security จากผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Microsoft, Palo Alto Networks และ Fortinet ที่มีทรัพยากรมากมายและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังมีผู้เล่นใหม่ที่เข้ามาด้วยเทคโนโลยีและราคาที่แข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เนื่องจากการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ผิดพลาดสามารถส่งผลกระทบต่อระบบของลูกค้าได้อย่างรุนแรง ดังที่เคยเกิดขึ้นในอดีต การพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ก็อาจเป็นความเสี่ยงหากเกิดปัญหาด้านเสถียรภาพหรือความปลอดภัยของระบบคลาวด์เอง รวมถึงความท้าทายในการรักษาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและการแข่งขันด้านบุคลากรที่มีทักษะสูงในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง
CrowdStrike มีโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของตลาดCyber security ที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราสูงในระยะยาว เนื่องจากภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยี AI และ Machine Learning ที่ก้าวหน้าจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และการขยายตลาดไปยังภูมิภาคใหม่ๆ โดยเฉพาะในเอเชียแปซิฟิกและตลาดเกิดใหม่ที่มีการ Digitalization อย่างรวดเร็ว การเปิดตัวโซลูชันใหม่อย่าง Falcon Next-Gen SIEM และ Falcon Flex ที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานจะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่และเพิ่มรายได้จากลูกค้าเดิม
นอกจากนี้ การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและการพัฒนาระบบนิเวศน์ที่ครอบคลุม จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มอุปสรรคสำหรับคู่แข่งในการแย่งชิงลูกค้า ความสามารถในการสร้างรายได้แบบต่อเนื่องและการมีอัตราการคงอยู่ของลูกค้าที่สูงจะช่วยให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในระยะยาว
สนใจลงทุนในหุ้น CrowdStrike (Ticker: CRWD) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน