Keyword
Company History

JD.com (9618.HK) ระบบโลจิสติกส์อันดับหนึ่งในจีน ส่งไวถูกใจ ขยายบริการถึงชุมชนที่คู่แข่งยังเข้าไม่ถึง

2 Jul 25 1:29 PM
JD.com (9618.HK) ระบบโลจิสติกส์อันดับหนึ่งในจีน ส่งไวถูกใจ ขยายบริการถึงชุมชนที่คู่แข่งยังเข้าไม่ถึง
สรุปสาระสำคัญ

JD.com (JD) บริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีและบริการที่มีโซ่อุปทานเป็นแกนหลักจากจีน ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ และฮ่องกง (HKEX: 9618) กำลังครองใจนักลงทุนทั่วโลกด้วยการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมโลจิสติกส์และความเป็นเลิศในห่วงโซ่อุปทาน ที่สำคัญ JD.com ไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์ม E-commerce ทั่วไป แต่ได้วิวัฒนาการเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน ตั้งแต่ค้าปลีก เทคโนโลยี โลจิสติกส์ สุขภาพ และอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยเครือข่ายคลังสินค้ากว่า 3,600 แห่งทั่วโลก พื้นที่รวมเกิน 32 ล้านตารางเมตร และการจัดส่งที่เร็วจนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม ทำให้ JD.com เป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลกที่มองหาโอกาสในตลาดอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยีจีน

ประวัติและความเป็นมา

 

JD.com เริ่มต้นการเดินทางในปี 2003 จากธุรกิจออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ และเปิดตัว JD Multimedia อย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2004 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นการเข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในปี 2007 บริษัทเริ่มขยายสินค้าและพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์ของตัวเองเพื่อปรับปรุงการจัดส่ง เดือนตุลาคม 2008 JD เริ่มเสนอสินค้าทั่วไป กลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ครอบคลุมทุกสินค้า และในเดือนธันวาคม 2010 ตลาดออนไลน์ของ JD เริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบ

 

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2014 เมื่อ JD.com และ Tencent สร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาโมเดลนวัตกรรมของ Social E-commerce ในระดับโลก และในเดือนพฤษภาคม 2014 JD.com กลายเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซจีนรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ เดือนกรกฎาคม 2016 JD.com กลายเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตจีนรายแรกที่เข้าสู่รายชื่อ Fortune Global 500 และในเดือนเมษายน 2017 JD.com ได้จัดการประชุมประจำปี ส่งสัญญาณการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี พร้อมกับการจัดตั้ง JD Logistics เป็นหน่วยธุรกิจอิสระและขยายบริการสู่ลูกค้าภายนอก

 

ในปี 2022 JD.com ทำรายได้เกิน 1 ล้านล้านหยวนเป็นครั้งแรก และในปี 2023 ได้ประกาศ "วิสัยทัศน์ 35711" สำหรับสองทศวรรษข้างหน้า คือเป้าหมายของ JD.com: 3 แกนหลัก, 5 ภารกิจ, 7 กลยุทธ์, 1 ระบบ, 1 เป้าหมายระยะยาว แสดงให้เห็นถึงแผนการเติบโตระยะยาวที่ชัดเจนและทะเยอทะยาน

 

 

โครงสร้างรายได้และแหล่งรายได้หลัก

 

JD.com มีโครงสร้างรายได้ที่หลากหลายและมีความมั่นคงผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

 

  1. JD Retail - 85% ของรายได้รวม

ธุรกิจค้าปลีกที่เป็นแกนหลักของบริษัท ครอบคลุมคอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ สินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อาหารสด และอีกมากมาย ด้วยสินค้าในระบบมากกว่า 10 ล้าน SKU และเครือข่ายร้านค้าทางกายภาพกว่า 10,000 แห่ง กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการขยายตัวของการบริโภคออนไลน์และการพัฒนาระบบ "Retail as a Service" ที่ช่วยให้แบรนด์และผู้ค้าเข้าถึงตลาดจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

  1. JD Logistics - 13% ของรายได้รวม

ธุรกิจโลจิสติกส์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี มีเครือข่ายโลจิสติกส์ครบครัน 6 ระบบ ได้แก่ คลังสินค้า ขนส่งระหว่างเมือง เครือข่ายจัดส่งไมล์สุดท้าย สินค้าขนาดใหญ่ โลจิสติกส์ห่วงโซ่เย็น และโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงจากความต้องการบริการโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศจีนและตลาดต่างประเทศ รวมถึงการขยายบริการสู่ลูกค้าภายนอกอย่างต่อเนื่อง

 

  1. New Businesses - 2% ของรายได้รวม

ธุรกิจใหม่ที่รวมถึง Dada, JD Property, Jingxi และธุรกิจต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจส่งอาหารที่เปิดตัวใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ที่เริ่มจากค้าปลีกหลักและขยายสู่การค้าปลีกตามความต้องการและการส่งอาหาร กลุ่มธุรกิจนี้แม้จะมีสัดส่วนน้อย แต่มีศักยภาพเติบโตสูงจากการขยายตัวในตลาดใหม่และบริการใหม่

 

xcvbn.png

 

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและจุดแข็งของ JD.com

 

JD.com มีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่โดดเด่นผ่านแนวคิด "Retail as a Service" ที่เปิดเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานให้กับพันธมิตร แบรนด์ และภาคส่วนอื่นๆ เพื่อช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพและนวัตกรรมในหลากหลายอุตสาหกรรม จุดแข็งหลักคือการบูรณาการแนวตั้งแบบครบวงจร ตั้งแต่การจัดหาสินค้า การจัดเก็บ การจัดส่ง บริการลูกค้า และการประมวลผลการชำระเงิน ที่ช่วยให้ควบคุมคุณภาพและประสบการณ์ลูกค้าได้ตลอดทั้งกระบวนการ

 

อีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญคือนโยบาย "Zero Tolerance" ต่อสินค้าปลอม โดยจัดหาสินค้าโดยตรงจากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกและผู้ค้าที่เชื่อถือได้ ประกอบกับระบบควบคุมที่เข้มงวด การสุ่มตรวจสอบ และนโยบายลงโทษที่รุนแรงสำหรับผู้ขายสินค้าปลอม นอกจากนี้ JD.com ยังใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูง บิ๊กดาต้า คลาวด์คอมพิวติ้ง และ IoT ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ช่วยลดต้นทุนห่วงโซ่อุปทานและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

 

 

การเปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก

 

เทียบกับ PDD Holdings (PDD) ในสหรัฐอเมริกา: Pinduoduo (PDD) ก่อตั้งในปี 2015 โดย Colin Huang อดีตวิศวกร Google เริ่มจากแพลตฟอร์มขายสินค้าเกษตรผ่านโมเดล “ทีมซื้อ” ที่ให้ผู้บริโภครวมกลุ่มเพื่อรับส่วนลด เติบโตเร็วในกลุ่มรายได้น้อยและเมืองรอง ปัจจุบันอยู่ภายใต้ PDD Holdings ซึ่งเป็นเจ้าของทั้ง Pinduoduo และ Temu ที่รุกตลาดต่างประเทศ JD.com และ Pinduoduo ต่างเป็น e-commerce รายใหญ่ของจีนที่มุ่งขยายสู่เมืองรองและเน้นกลยุทธ์ด้านราคา JD.com ใช้โมเดลขายตรงผสมกับการเปิดให้ร้านค้าภายนอกมาขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม (Marketplace) พร้อมคลังสินค้าและระบบจัดส่งเอง เจาะลูกค้าเมืองใหญ่ที่เน้นคุณภาพ ส่วน Pinduoduo ใช้ Marketplace อย่างเดียว เน้น Social Commerce เจาะกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับราคามากกว่าบริการ โดย JD.com มีรายได้หลักจากค้าปลีกและโลจิสติกส์ ขณะที่ Pinduoduo เน้นเติบโตของฐานผู้ใช้งาน

 

 

เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทในไทย

 

เทียบกับ Central Retail Corporation (CRC): Central Retail  เริ่มจากร้านค้าในปี 1947 ก่อนเติบโตเป็นกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ในไทยและอาเซียน ครอบคลุมห้าง ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าปลีกเฉพาะทาง พร้อมรุกต่างประเทศและพัฒนาอีคอมเมิร์ซรองรับผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้ง JD.com และ CRC มุ่งสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบครบวงจรผ่านกลยุทธ์ Omnichannel การลงทุนด้านเทคโนโลยี โลจิสติกส์ และการใช้ Big Data แม้มีเป้าหมายคล้ายกัน แต่โครงสร้างต่างกันชัดเจน JD.com เติบโตจากออนไลน์ เน้นขายตรงและ Marketplace พร้อมคลังและจัดส่งเอง ใช้ AI และหุ่นยนต์เพิ่มประสิทธิภาพ ส่วน CRC เติบโตจากออฟไลน์ ใช้เครือข่ายค้าปลีกเป็นจุดแข็ง รายได้หลักยังมาจากหน้าร้านและการบริหารพื้นที่ พร้อมต่อยอดออนไลน์จากฐานลูกค้าเดิม

 

 

ความท้าทายและความเสี่ยง

 

แม้ว่า JD.com จะมีตำแหน่งผู้นำที่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญหลายประการ การแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Alibaba, Pinduoduo และ Douyin (TikTok) ที่ใช้กลยุทธ์ราคาต่ำและการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย อาจกดดันส่วนแบ่งตลาดและอัตรากำไรของ JD.com ในระยะสั้น นอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ละเอียดอ่อนต่อราคามากขึ้น ส่งผลให้ JD.com ต้องปรับกลยุทธ์การตั้งราคาและการบริการอย่างต่อเนื่อง ด้านการขยายตัวสู่ตลาดต่างประเทศ บริษัทยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบท้องถิ่น การแข่งขันจากผู้เล่นในพื้นที่ และการสร้างความเชื่อใจในแบรนด์จีนในบางตลาด

 

 

อนาคตและโอกาสของ JD.com

 

JD.com มีโอกาสเติบโตที่น่าสนใจในอนาคตผ่านหลายช่องทาง การขยายธุรกิจส่งอาหารที่เพิ่งเปิดตัวมีศักยภาพสูงในตลาดที่มีมูลค่าหลายแสนล้านหยวน ด้วยจุดแข็งด้านโลจิสติกส์และการบริหารจัดการ การพัฒนาเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างบริการใหม่ๆ รวมถึงการขยายบริการ JD Health ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวสู่ตลาดต่างประเทศผ่านโครงการต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป และอเมริกาใต้ จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ แนวโน้มการเติบโตของ B2B และการให้บริการ "Retail as a Service" แก่องค์กรขนาดใหญ่จะสร้างรายได้และกำไรที่มั่นคงมากขึ้น

 

สนใจลงทุนในหุ้น JD.com (Ticker: JD (NASDAQ), 9618 (HKEX) หรือ DR: JD80) และหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

Stocks Mentioned
9618.HK
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5