Company History

หุ้น Eli Lilly (LLY) ธุรกิจยาระดับโลก โด่งดังจากยาเบาหวานและยาลดน้ำหนัก

20 May 25 4:05 PM
Eili Lilly (LLY)
สรุปสาระสำคัญ

Eli Lilly บริษัทยาระดับโลกที่กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการยาเบาหวาน (Mounjaro) และยาลดน้ำหนัก (Zepbound) ผลิตภัณฑ์สุดฮอตที่คิดเป็น 50%ของรายได้บริษัท และครองส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐมากกว่า 70% ในกลุ่มยาเดียวกัน ล่าสุดยังประกาศความสำเร็จครั้งใหม่กับผลการทดลอง Phase III ของยาลดน้ำหนักชนิดรับประทาน Orforglipron ที่เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นการปฏิวัติวงการยาลดน้ำหนักอีกครั้ง ด้วยประสิทธิภาพใกล้เคียงยาฉีด แต่สะดวกกว่าด้วยรูปแบบยาเม็ด

ความสำเร็จของ Eli Lilly ในตลาดยาลดน้ำหนัก


Eli Lilly กำลังประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดยาลดน้ำหนักและเบาหวาน โดยผลิตภัณฑ์สำคัญอย่าง Mounjaro (ยาเบาหวาน) และ Zepbound (ยาลดน้ำหนัก) กำลังสร้างรายได้มหาศาลให้บริษัท โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 51% ของรายได้ 


ขณะที่ยารักษามะเร็ง (Oncology) สร้างรายได้ประมาณ 27.6% ตามมาด้วยกลุ่มภูมิคุ้มกันวิทยา (Immunology) ที่คิดเป็น 14.4% กลุ่มประสาทวิทยา (Neuroscience) ราว 4.2% และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกประมาณ 2.7% สะท้อนให้เห็นว่าความสำเร็จของ Eli Lilly ในปัจจุบันขับเคลื่อนโดยกลุ่มยา GLP-1 อย่างชัดเจน และเป็นแกนหลักของการเติบโตของบริษัท


ยอดขาย Mounjaro ในสหรัฐฯ ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในตลาดยาเบาหวานกลุ่ม GLP-1 โดยมีส่วนแบ่งใหม่สูงถึง 60% ของตลาด ขณะที่ Zepbound ก็ครองตำแหน่งผู้นำตลาดยาลดน้ำหนักในสหรัฐฯ ด้วยส่วนแบ่งถึง 74% ของใบสั่งยาใหม่


นอกจากนี้ Eli Lilly ยังมีความโดดเด่นในเรื่องกลยุทธ์การกระจายสินค้า ล่าสุดได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Lilly Direct ช่องทางจำหน่ายยาแบบ direct-to-consumer พร้อมเปิดตัวขวดยา Zepbound แบบไวอัล (vials) สำหรับช่องทางจ่ายเงินเอง (self-pay) ที่ราคาเพียง $349 ทำให้คนไข้ที่ไม่มีประกันสามารถเข้าถึงยาได้ง่ายขึ้น โดยในปัจจุบัน 25% ของใบสั่งยา Zepbound มาจากช่องทางนี้

 


การเปิดตัว Orforglipron ยาลดน้ำหนักชนิดเม็ดตัวแรกที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ายาฉีด


หนึ่งในความสำเร็จล่าสุดของ Eli Lilly คือผลการทดลองทางคลินิก Phase III ของยา Orforglipron ยา GLP-1 ชนิดรับประทานที่กำลังพัฒนาสำหรับโรคเบาหวานและโรคอ้วน โดยผลการศึกษา ACHIEVE-1 แสดงให้เห็นว่า:


• Orforglipron สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด (HbA1c) ได้ 1.3-1.6% ซึ่งเทียบเท่ายาฉีด
• ผู้ป่วยสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 7.9% หรือประมาณ 7.3 กิโลกรัมในระยะเวลา 40 สัปดาห์
• มีอัตราการเลิกใช้ยาเนื่องจากอาการข้างเคียงต่ำเพียง 4-8% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้


การเปิดตัว Orforglipron ถือเป็นการปฏิวัติวงการยาลดน้ำหนักอีกครั้ง เพราะจะเป็นยา GLP-1 ชนิดรับประทานตัวแรกที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ายาฉีด โดย Eli Lilly วางแผนยื่นขออนุมัติจาก FDA สำหรับข้อบ่งชี้โรคอ้วนในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ และยื่นสำหรับโรคเบาหวานในครึ่งแรกของปีหน้า

 


กลยุทธ์การตลาดและเทคโนโลยีการผลิต


Eli Lilly ไม่เพียงแต่ลงทุนในการวิจัยและพัฒนายาใหม่ แต่ยังลงทุนอย่างมหาศาลในการผลิตด้วย บริษัทได้ประกาศการลงทุนกว่า $50 พันล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2020 รวมถึงการสร้างโรงงาน 4 แห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกาเพื่อรองรับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม GLP-1


บริษัทได้วางแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาเบาหวานและยาลดน้ำหนักอย่างครบวงจร ได้แก่:
• Mounjaro/Zepbound - ยาฉีดสัปดาห์ละครั้งสำหรับเบาหวานและลดน้ำหนัก
• Orforglipron - ยาเม็ดรับประทานสำหรับลดน้ำหนักวันละครั้ง กำลังอยู่ในการทดลอง Phase III
• Retatrutide - ยาฉีดสามฤทธิ์ (triple-acting) ที่กำลังทดลอง Phase III สำหรับโรคอ้วนและความเจ็บปวดจากข้อเสื่อม
• Eloralintide (อมิลิน) - ยาลดน้ำหนักอีกตัวที่กำลังอยู่ในการพัฒนา


กลยุทธ์การมีผลิตภัณฑ์หลากหลายทำให้ Eli Lilly สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องการความสะดวกจากยาเม็ด หรือผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดจากยาฉีด

 


ความท้าทายและการแข่งขันในตลาด


แม้ Eli Lilly จะประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ก็ยังต้องเผชิญความท้าทายหลายประการ:


ล่าสุดยาWegovyจากบริษัทยาคู่แข่งอย่างNovo Nordisk (ซึ่งเป็นบริษัทยาสัญชาติเดนมาร์ก) ได้รับเลือกจาก CVS (ร้านขายยาขนาดใหญ่ในสหรัฐ)  เป็นยาลดน้ำหนักตัวเลือกแรกในกลุ่มแผนประกันเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2025 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบอาจไม่รุนแรงนัก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลเฉพาะกับแผนมาตรฐานของ CVS เท่านั้น ซึ่งจากสถิติพบว่ามีผู้ใช้บริการเพียงประมาณ 3.23% เท่านั้น


CVS ระบุว่าการตัดสินใจนี้มาจากความพยายามในการเพิ่มการเข้าถึงยาลดน้ำหนักของผู้บริโภค เนื่องจากพบว่าหนึ่งในสามของผู้ป่วยเลือกที่จะไม่ครอบคลุมยากลุ่มนี้เพราะมีราคาสูง นี่เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาดโดยรวม เพราะแสดงให้เห็นว่าบริษัทประกันกำลังหาทางเพิ่มการเข้าถึงยากลุ่มนี้มากขึ้น

 


อนาคตและโอกาสของ Eli Lilly


แม้ว่า Eli Lilly จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก Novo Nordisk ซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาดโลกสูงกว่า แต่ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งยาฉีดและยาเม็ด และประสิทธิภาพยาที่สูงกว่า ทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะขยายตลาดได้อีกมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคร่วม เช่น โรคอ้วนร่วมกับโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด


นอกจากนี้ การที่ Eli Lilly สามารถพัฒนายา Orforglipron ชนิดรับประทานที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ายาฉีดได้ จะทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงตลาดกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ต้องการฉีดยา ซึ่งคิดเป็นประมาณ 50% ของผู้ป่วยเบาหวาน และ 25% ของผู้ป่วยโรคอ้วนในสหรัฐฯ ที่มีความกลัวเข็มฉีดยา


นักวิเคราะห์จากหลายสถาบันการเงิน เช่น Morgan Stanley, Deutsche Bank และ Wells Fargo ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ Eli Lilly โดยมองว่าบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากความสำเร็จของยากลุ่ม GLP-1 และการพัฒนายารูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง

 

สนใจลงทุนในหุ้น Eli Lilly (LLY) และหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ จากทั่วโลกได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ที่ให้คุณเข้าถึงการลงทุนระดับโลกได้แบบไร้ขีดจำกัด สนใจเปิดบัญชีลงทุน คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

Stocks Mentioned
LLY.N
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5