Company History

Airbnb (ABNB) จาก "ห้องเช่า" สู่แพลตฟอร์มท่องเที่ยวระดับโลก รายได้เติบโตมากกว่า 85% ภายในเวลาเพียง 3 ปี

22 May 25 12:56 PM
Airbnb (ABNB.US)
สรุปสาระสำคัญ

บริษัท Airbnb ประสบการณ์การเช่าที่พักที่ไม่เหมือนใคร กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในธุรกิจ ด้วยการขยายบริการไปมากกว่าแค่การจองที่พัก เจาะตลาดประสบการณ์ท่องเที่ยวและบริการโรงแรม ควบคู่กับการปรับตัวเข้ากับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมนักท่องเที่ยวทั่วโลกโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา

จากที่พักแค่ห้องเช่าเล็ก ๆ สู่บริษัทมหาชนที่มีรายได้หลายแสนล้าน


Airbnb ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โดย Brian Chesky (CEO และประธานกรรมการบริหาร), Joe Gebbia (ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์) และ Nathan Blecharczyk (CSO และประธาน Airbnb ประเทศจีน) เริ่มต้นจากไอเดียง่าย ๆ ในการให้เช่าที่นอนเป่าลมในอพาร์ตเมนต์ช่วงงานประชุมใหญ่ในซานฟรานซิสโก


จากจุดเล็ก ๆ ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นแพลตฟอร์มท่องเที่ยวระดับโลก และเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 2020 (IPO) หลังจากนั้น รายได้ของ Airbnb เติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2021 รายได้อยู่ที่ราว 186,860 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 346,320 ล้านบาทในปี 2024 หรือคิดเป็นการเติบโตมากกว่า 85% ภายในเวลาเพียง 3 ปี สะท้อนศักยภาพในการขยายธุรกิจและปรับตัวต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

 


โครงสร้างรายได้และโมเดลธุรกิจ


รายได้ของ Airbnb แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่


1. บริการที่พัก (Accommodation Services) 88% ของรายได้ รวมค่าธรรมเนียมเจ้าของที่พักและผู้เข้าพัก
2. ประสบการณ์ท่องเที่ยว (Experiences) 7% ของรายได้ โดยเป็นค่าธรรมเนียมจากกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ
3. บริการอื่น ๆ (Other Services) 5% เช่น ค่าทำความสะอาด, ประกันความเสียหาย, บริการพิเศษสำหรับเจ้าของที่พัก และดอกเบี้ยจากเงินฝากของลูกค้า
 
โมเดลธุรกิจของ Airbnb โดดเด่นด้วยเน็ตเวิร์คเอฟเฟกต์ (Network Effect) ที่ยิ่งผู้ใช้มากขึ้น แพลตฟอร์มก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตาม ทำให้บริษัทสามารถปรับตัวและขยายตลาดได้อย่างรวดเร็ว

 


การเติบโตท่ามกลางวิกฤตและยุคโควิด-19


ในช่วงที่โควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก Airbnbพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้โดยเร่งปรับโมเดลธุรกิจให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการหันมาเน้นการเดินทางในประเทศ การท่องเที่ยวใกล้บ้าน และการทำงานจากที่พัก (Work from Anywhere)


บริษัทได้เปิดตัวฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในบริบทใหม่ เช่น การแสดงผลที่พักแบบยืดหยุ่นตามวันที่และประเภท ประกาศที่พักที่เหมาะสำหรับการทำงานทางไกล และหมวดหมู่ใหม่อย่าง "Staycation" เพื่อรองรับการพักผ่อนในท้องถิ่น พร้อมยกระดับมาตรฐานความสะอาด และนโยบายการยกเลิกที่ยืดหยุ่นมากขึ้น


นอกจากนี้ Airbnb ยังปรับโครงสร้างต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีภายในอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ในเวลารวดเร็วหลังผ่านจุดต่ำสุดของวิกฤต ถือเป็นตัวอย่างของธุรกิจที่ไม่เพียงแค่ “รอด” แต่ยัง “โต” ได้ในสภาวะแวดล้อมที่ท้าทาย

 


กลยุทธ์หลักในการสร้างการเติบโต


Airbnb กำลังดำเนินกลยุทธ์สามด้านเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตระยะยาว:


1. การพัฒนาบริการหลัก(บริการที่พัก)ให้สมบูรณ์แบบ: ผ่านฟีเจอร์ใหม่กว่า 500 รายการในช่วงสามปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความสะดวก ความน่าเชื่อถือ และความคุ้มค่า เช่น "Guest Favorites" ที่ช่วยแนะนำที่พักคุณภาพดีที่สุดบนแพลตฟอร์ม (ซึ่งมีการจองแล้วกว่า 350 ล้านคืน) และระบบแสดงราคารวมทั้งหมด (Total Price Display) ที่ทำให้ผู้ใช้เห็นค่าใช้จ่ายชัดเจนตั้งแต่ต้น
2. การขยายตัวในตลาดใหม่ทั่วโลก: บริษัทกำลังเร่งขยายธุรกิจในตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในละตินอเมริกาและเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดหลักถึงสองเท่า
3. การเปิดตัวบริการใหม่: Airbnb ได้เปิดตัวบริการใหม่ๆ นอกเหนือจากการจองที่พัก ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2025 เป็นต้นมา ซึ่งรวมถึงการรีแบรนด์ประสบการณ์ท่องเที่ยว (Experiences) และการขยายบริการด้านโรงแรมมากขึ้น โดยบริษัทได้ลงทุนเงิน 200-250 ล้านดอลลาร์ในปีนี้เพื่อพัฒนาและทำการตลาดบริการใหม่เหล่านี้

 

 

เปรียบเทียบกับคู่แข่งในธุรกิจท่องเที่ยว


- เปรียบเทียบกับ Booking Holdings (สหรัฐอเมริกา)


Booking Holdings ดำเนินธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มหลากหลาย เช่น Booking.com และ Priceline โดยเน้นการจองโรงแรมเป็นหลัก และเพิ่มที่พักทางเลือกในภายหลัง ขณะที่ Airbnb เริ่มต้นจากที่พักทางเลือก เช่น บ้านหรือคอนโดที่เจ้าของปล่อยเช่าโดยตรง ระบบชำระเงินของ Booking มักเป็นแบบจ่ายเมื่อเข้าพัก ต่างจาก Airbnb ที่รับชำระเงินล่วงหน้าผ่านแพลตฟอร์ม ส่วนค่าธรรมเนียม Booking เก็บจากเจ้าของที่พักเป็นหลัก ขณะที่ Airbnb แบ่งเก็บทั้งเจ้าของและผู้เข้าพัก พื้นที่ที่แข็งแกร่งของ Booking อยู่ในยุโรปและเอเชีย ส่วน Airbnb เน้นตลาดอเมริกาเหนือและละตินอเมริกา


- เปรียบเทียบกับ MINOR (ผู้เล่นสำคัญในตลาดไทย)


MINOR เป็นบริษัทชั้นนำในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในไทย ที่มีการบริหารโรงแรมและรีสอร์ทหลายแห่งทั่วประเทศ โดยเน้นบริการที่พักแบบโรงแรมเป็นหลักและมีความแข็งแกร่งในตลาดภายในประเทศ โรงเเรมในเครือMINOR ยังพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการจองที่พักที่สะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยและต่างชาติอย่างครอบคลุม ขณะที่ Airbnb โฟกัสที่ที่พักทางเลือก เช่น บ้านหรือคอนโดที่เจ้าของปล่อยเช่าเอง MINOR มีระบบบริหารจัดการที่เข้มงวดและเป็นไปตามข้อกำกับดูแลของไทย ในขณะที่ Airbnb ยังเผชิญข้อจำกัดในเรื่องการเช่าระยะสั้นในบางพื้นที่ รวมถึงเน้นประสบการณ์ที่พักหลากหลายมากกว่าการแข่งขันด้านราคา

 


มุมมองของนักวิเคราะห์และความท้าทายในอนาคต


ในขณะที่ Airbnb มีศักยภาพสูง แต่ก็ยังเผชิญความท้าทาย เช่น การพึ่งพาตลาดท่องเที่ยวอเมริกาเหนือซึ่งเริ่มชะลอตัว อย่างไรก็ตามCEO Brian Chesky คนปัจจุบันยังคงมั่นใจในศักยภาพของ Airbnb โดยเฉพาะแผนขยายบริการนอกเหนือจากที่พักเพื่อสร้างรายได้ใหม่และเพิ่มความถี่ในการใช้งานของลูกค้า ทำให้ Airbnb เป็นตัวอย่างของบริษัทที่มีความยืดหยุ่นและหลากหลายทางธุรกิจที่พร้อมเติบโตในระยะยาว แม้จะมีความไม่แน่นอนในระยะสั้น


สนใจลงทุนในหุ้น Airbnb (ABNB) และหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ จากทั่วโลกได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ที่ให้คุณเข้าถึงการลงทุนระดับโลกได้แบบไร้ขีดจำกัด สนใจเปิดบัญชีลงทุน

คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

Stocks Mentioned
ABNB.N
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5