
ทำไมกองทุน Thai ESGX ถึงน่าสนใจ ?
กองทุน ThaiESGX เป็นกองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ที่มอบสิทธิพิเศษมากกว่าปีก่อน ๆ โดยในปี 2568 นี้ ผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุดถึง 900,000 บาท และหากรวมกับสิทธิลดหย่อนจากกองทุน Thai ESG และ RMF (รวมกลุ่มเกษียณอื่น ๆ) จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้รวมสูงสุดถึง 1,400,000 บาท
ทำไมรัฐบาลถึงออกกองทุน Thai ESGX ?
เหตุผลหลัก ๆ มีอยู่ 2 ข้อ คือ
- แก้ปัญหาภาวะตลาดหุ้นไทย - ในปีนี้กองทุน LTFทั้งหมด ครบกำหนดการถือครองทำให้คนอาจขายกองทุน LTF ที่ลงทุนในหุ้นไทยออกมากัน เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นปีนี้
- ส่งเสริมการลงทุนแบบยั่งยืน - รัฐบาลอยากส่งเสริมให้คนไทยได้ลงทุนในบริษัทที่ดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการบริหารจัดการที่ดี (ESG)
Thai ESGX ลงทุนในอะไร ?
กองทุนนี้จะลงทุนในสินทรัพย์ในกลุ่มความยั่งยืนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และต้องเป็นหุ้นกลุ่มความยั่งยืนไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV
สิทธิพิเศษทางภาษีของการลงทุนในกองทุน Thai ESGX
สามารถลงทุนได้ 2 แบบ
แบบที่ 1: สำหรับคนที่ใช้เงินใหม่ซื้อ
- ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมิน หรือ ไม่เกิน 300,000 บาท
- ต้องซื้อในช่วง 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น (***กองทุนเริ่ม IPO กันตั้งแต่ 2-10 พ.ค. 68 ตรวจสอบวันอีกครั้งกับ บลจ. ผู้ออก)
- ถือไว้อย่างน้อย 5 ปี (วันชนวัน)
แบบที่ 2: สำหรับคนที่มี LTF อยู่แล้ว
- โอน LTF ทั้งหมดที่มีอยู่ ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 มาเข้า Thai ESGX
- ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท แบ่งเป็น
- ปีแรก 2568 ลดหย่อนได้ 300,000 บาท
- ปีภาษี 2569 - 2572 ส่วนที่เหลือไม่เกิน 200,000 ใช้วิธีลดหย่อนแบบหารเฉลี่ยต่อปีเป็นเวลา 4 ปี เช่น เหลือลดหย่อน 200,000 บาท ใช้สิทธิได้ปีละ 50,000 บาท
- ต้องโอนภายในช่วง 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
- ต้องถือไว้อย่างน้อย 5 ปี (วันชนวัน) นับจากวันที่โอน
กลยุทธ์การเลือกกองทุน ThaiESGX ให้เหมาะกับพอร์ตการลงทุนของคุณ
กองทุน ThaiESGX มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกลงทุนตามความเหมาะสมของเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้นไทย 100% ทั้งแบบ Active และ Passive หรือกองทุนผสมที่ลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ ไปจนถึงกองทุนที่มีการกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศบางส่วน
การเลือกกองทุน ThaiESGX ที่เหมาะสม ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
- ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ - หากคุณรับความเสี่ยงได้สูง กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น 100% อาจเหมาะสมกว่า แต่หากต้องการความผันผวนที่น้อยกว่า กองทุนผสมที่มีตราสารหนี้ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
- ระยะเวลาการลงทุน - แม้ว่าเงื่อนไขของกองทุน ThaiESGX จะกำหนดให้ถือครองอย่างน้อย 5 ปี แต่การวางแผนระยะยาวเกินกว่า 5 ปีอาจช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า
- กลยุทธ์การบริหารกองทุน - เลือกระหว่างการบริหารเชิงรุก (Active) ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือตลาด หรือการบริหารเชิงรับ (Passive) ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำกว่า
- การกระจายความเสี่ยง - พิจารณาว่ากองทุนมีการกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์หลากหลายมากน้อยเพียงใด หรือมีการลงทุนในตลาดต่างประเทศบางส่วนหรือไม่
5 กองทุน ThaiESGX แนะนำโดย INVX
การต้องตัดสินใจว่าจะลงทุน Thai ESGX กองไหนดีอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักลงทุนทั่วไป เนื่องจากกองทุน Thai ESGX มีให้เลือกมากมายหลายประเภท ทั้งกองทุนหุ้นไทยแบบ Active และ Passive กองทุนผสม และกองทุนที่กระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศบางส่วน ด้วยเหตุนี้ INVX จึงได้คัดสรรกองทุน Thai ESGX มาแนะนำ โดยเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนหลากหลาย เหมาะกับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนที่แตกต่างกัน เพื่อให้คุณได้รับทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
กองทุนหุ้น Active: ES-DIVTHAIESGX-68A
- ลงทุนในหุ้นไทยที่มี SETESG Rating ระดับ AA ขึ้นไปประมาณ 30-60 ตัว
- คัดเลือกหุ้นในกลุ่มปันผลที่มีเงินปันผลจ่ายในอดีต 1-3 ปีอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มการจ่ายปันผลในอนาคตที่ดี รวมถึงมีปัจจัยด้านพื้นฐานแข็งแกร่งและมีคุณภาพสูง
- บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์เฉลี่ยกว่า 28 ปี และมีประวัติการบริหารกองทุนหุ้นไทยปันผล ES-DIV ที่ได้รับ Morningstar 5 ดาว (ข้อมูล ณ 31 มี.ค. 2568)
กองทุนหุ้นไทย Passive: SCBTS100X(25A)
- ลงทุนโดยมุ่งหวังให้ผลตอบแทนเคลื่อนไหวตาม SET100 Free Float Adjusted Market Capitalization Weight TRI (SET100FF) ที่เป็นดัชนีปรับน้ำหนักตามสัดส่วน Free Float ที่มีขนาดใหญ่ 100 อันดับแรก
- หุ้นที่มีการลงทุนจะเป็นส่วนประกอบของ SET100FF และเป็นหลักทรัพย์ที่มีความยั่งยืนอย่างน้อย 80%
- ค่าธรรมเนียมการจัดการและค่าใช้จ่ายรวมต่ำสุดเมื่อเทียบกับของทุน Passive ในกลุ่มกองทุน ThaiESGX
กองทุนผสม: ES-DIV70THAIESGX-68A
- ลงทุนแบบผสมในหุ้นและตราสารหนี้ไทยในสัดส่วน 70/30
- เลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มปันผลที่มี SETESG Rating ระดับ AA ขึ้นไปมีประวัติการจ่ายปันผลดีในอดีตและมีแนวโน้มการจ่ายปันผลในอนาคตที่ดี มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีคุณภาพสูง
- ผสมด้วยตราสารหนี้ ESG ที่มีระดับความน่าเชื่อถือ Investment Grade ขึ้นไป และบริษัทผู้ออกตราสารจะต้องมีคุณภาพสูง
- บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์เฉลี่ยกว่า 28 ปี
กองทุนหุ้นไทยที่เน้นปันผล: K-HDTHAIESGX-68
- เน้นการบริหารเชิงรุก (Active Management) ในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETHD เป็นส่วนใหญ่
- ถือหุ้นประมาณ 25-30 บริษัทที่มีประวัติการจ่ายปันผลสม่ำเสมอและมีฐานะการเงินมั่นคง
- พิจารณาลงทุนในหุ้นนอกเหนือจาก SETHD ไม่เกิน 10% เพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha)
- ส่วนใหญ่ลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมธนาคารและพลังงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีประวัติการจ่ายปันผลดี
- เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากเงินปันผลควบคู่กับการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว
กองทุนยืดหยุ่น: ASP-MIX THAIESGX-X68
- กองทุนผสมที่เน้นการบริหารเชิงรุกแบบยืดหยุ่นสูง ปรับสัดส่วนการลงทุนตามสภาวะตลาด
- บริหารแบบ "Dynamic Management" โดยในสภาวะตลาดปกติ ลงทุนในหุ้น 70-100% และตราสารหนี้ 0-30%
- ในตลาดขาขึ้น อาจเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นถึง 100% เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโต
- ในตลาดขาลง อาจลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ถึง 30% เพื่อลดความผันผวน
- บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์และมีผลงานการบริหารกองทุนที่โดดเด่น เช่น ASP-SME และ ASP-ThaiESG
- เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความยืดหยุ่นในการบริหารพอร์ตตามสภาวะตลาด
ทำไมควรลงทุนในกองทุน ThaiESGX ผ่าน InnovestX ?
- ความสะดวกสบาย: สามารถลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ได้ง่าย ๆ ทุกที่ทุกเวลา
- การเข้าถึงข้อมูล: มีข้อมูลกองทุนที่ครบถ้วนและอัปเดตอยู่เสมอ รู้ว่ากองทุน ThaiESGX ที่เปิดให้ลงทุนตอนนี้มีอะไรบ้าง ช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ
- สิทธิประโยชน์ทางภาษี: ลงทุนในกองทุน ThaiESGX ผ่าน InnovestX สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่กฎหมายกำหนด
รวมรายชื่อกองทุน ThaiESGX ทั้งหมดของแต่ละ บลจ. (สำหรับเงินลงทุนใหม่ ช่วง IPO 2-8 พ.ค. 2568)
