Thai ESG

กองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG

17 Sep 24 3:04 PM
Invest_Ideas_Thumbnail_1280x720px-47
Key Summary

สรุปกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ที่ INVX แนะนำ

  • กองทุนหุ้น Active: ASP-ThaiESG
  • กองทุนหุ้น Passive: K-TNZ-THaiESG
  • กองทุนตราสารหนี้: KKP GB THAI ESG
  • กองทุนผสม: KTAG70/30-ThaiESG

INVX Top Pick: สำหรับ ThaiESG

 

ตราสารทุน สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นได้ ต้องการเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเงินต้น และต้องการลงทุนในธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับปัจจัย ESG โดยกองทุนที่เราแนะนำสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management ซึ่งได้แก่ ASP-ThaiESG สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง ต้องการเลือกลงทุนทั้งในหุ้นขนาดใหญ่ และหุ้นขนาดกลาง-เล็กโดยมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแล และกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive Management ได้แก่ K-TNZ-THAIESG สำหรับผู้ที่ต้องการทางเลือกการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ ต้องการเห็นการเติบโตของเงินต้นสอดคล้องไปกับการเติบโตของหุ้นขนาดใหญ่

 

รายละเอียดกองทุนตราสารทุน

 

1) กองทุน ASP-ThaiESG

  • ลงทุนในหุ้นไทยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SET (หุ้นขนาดใหญ่) และ MAI (หุ้นขนาดเล็ก) ที่มีความโดดเด่นด้าน ESG ราว 20-30 บริษัท
  • ใช้กลยุทธ์ Positive Screening โดยจะคัดเลือกหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ ESG และมาตรฐานความยั่งยืนได้อย่างครบถ้วนให้เข้ามาอยู่ในกรอบการลงทุน และจะเน้นเลือกลงทุนในบริษัทที่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
  • มีการวิเคราะห์และประเมินปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอย่างเชิงลึก โดยจะประเมินทั้งภาพรวมและความน่าสนใจของแต่ละอุตสาหกรรม และวิเคราะห์ธุรกิจอย่างเชิงลึกเพื่อเฟ้นหาธุรกิจคุณภาพสูงที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีความยั่งยืนของกำไร นอกเหนือไปจากนั้น ทีมผู้จัดการกองทุนยังจะประเมินปัจจัย อย่าง มูลค่า และโมเมนตัมของราคาหุ้นเพิ่มเติม
  • ทีมผู้จัดการกองทุนมีความสามารถ และมีประสบการณ์ในการบริหารกองทุนหุ้นไทย โดยใช้ทีมบริหารเดียวกันกับกอง ASP-SME-A ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นไทยขนาดเล็กที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น
  • ตั้งแต่ต้นปี กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ -10.3% เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด SET TRI ที่มีผลตอบแทน -12.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน (ณ 30 เม.ย. 2025)

 

2) กองทุน K-TNZ-ThaiESG

  • ลงทุนแบบเชิงรับ (Passive) ในหุ้นไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET100 ในบริษัทที่มีเป้าหมาย และแผนการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างชัดเจน (Net Zero) โดยมุ่งหวังให้ผลตอบแทนของกองทุนเคลื่อนไหวสอดคล้องกับดัชนี SET100
  • ทำงานร่วมกับ Lombard Odier และนำปัจจัย Implied Temperature Rise (ITR) มาใช้ในกระบวนการวิเคราะห์หุ้นรายตัว เพื่อประเมินว่าบริษัทที่จะเข้าลงทุนมีส่วนทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำ
  • สร้างพอร์ตจากโมเดล Implied Temperature Rise (ITR) โดยจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน “Ice Cubes” หรือกลุ่มบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง แต่มีแผนลดการปล่อยก๊าซลงอย่างชัดเจน เนื่องจาก Lombard Odier เชื่อว่าบริษัทกลุ่มนี้จะมีแนวโน้มช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า และช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้เร็วขึ้น
  • ตั้งแต่ต้นปี กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ -12.9% เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด SET TRI ที่มีผลตอบแทน -12.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน (ณ 30 เม.ย. 2025)

 

ตราสารหนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ต้องการการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ และต้องการลงทุนในตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มความยั่งยืน โดยกองทุนที่เราแนะนำสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กองทุนสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว ซึ่งได้แก่ KKP GB THAI ESG และกองทุนสำหรับผู้ที่ต้องการสลับไป-มาระหว่างกองทุนตราสารทุนและกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ K-ESGSI-ThaiESG

 

 

1) กองทุน KKP GB THAI ESG

  • ลงทุนในตราสารภาครัฐ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาวราว 85% ของพอร์ตการลงทุน และลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้นอีก 15% ของพอร์ต และมีเป้าหมายอายุเฉลี่ยของตราสารในพอร์ตอยู่ที่ราว 8-10 ปี
  • ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ได้แก่ ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) และตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked Bond)
  • กองทุนมีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับกองทุนตราสารหนี้ ThaiESG โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการเพียง 0.19% ต่อปี มีอัตราค่าใช้จ่ายรวมเพียง 0.25% ต่อปี
  • กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 4.1% นับตั้งแต่ต้นปี (ณ 30 เม.ย. 2025)

 

2) กองทุน K-ESGSI-ThaiESG

  • ลงทุนในตราสารภาครัฐ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเพื่อความยั่งยืนราว 80-95% ของพอร์ต และสามารถลงทุนในตราสารหนี้อื่นได้ในส่วนที่เหลือ และตั้งเป้าหมายอายุเฉลี่ยของตราสารในพอร์ตอยู่ที่ราว 8-9 ปี
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ลงทุนที่มีเวลาติดตามตลาดด้วยตัวเอง และต้องการลงทุนแบบเชิงรุก (Active) ด้วยตัวเอง เนื่องจากสามารถสลับไป-มาระหว่างกองทุนตราสารหนี้และกองทุนตราสารทุนที่เราแนะนำอย่าง K-TNZ-ThaiESG ได้
  • กองทุนมีค่าใช้จ่ายต่ำเป็นอันดับสองเมื่อเทียบกับกองทุนตราสารหนี้ ThaiESG โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการเพียง 0.19% ต่อปี มีอัตราค่าใช้จ่ายรวมเพียง 0.25% ต่อปี
  • กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 4.6% นับตั้งแต่ต้นปี (ณ 30 เม.ย. 2025)

 

กองทุนผสม สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง ต้องการการลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้โดยมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยดูแล โดยกองทุนที่เราแนะนำ ได้แก่ KTAG70/30-ThaiESG

 

1) กองทุน KTAG70/30-ThaiESG

  • ลงทุนแบบผสมผสานในสินทรัพย์กลุ่มความยั่งยืน โดยกำหนดหรอบการลงทุนในหุ้นไว้ที่ 70% ของ NAV และตราสารหนี้ 30% ของ NAV
  • ในส่วนหุ้น ทีมผู้จัดการกองทุนให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยจะมีการคัดกรองหุ้นที่ลงทุนได้จาก SETESG Rating ที่ระดับ A ขึ้นไป และต้องเป็นหุ้นที่ผานการประเมินด้าน ESG โดยบลจ. 
  • ในส่วนตราสารหนี้ กองทุนจะเลือกลงทุนในตราสารกลุ่มความยั่งยืน เช่น ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตราสารเพื่อความยั่งยืน หรือตราสารส่งเสิรมความยั่งยืน 
  • มีการกำหนดกรอบการลงทุนไว้ชัดเจน โดยทีมผู้จัดการกองทุนสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ได้สูงสุด ±5% ตามสภาวะตลาด
  • กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ -4.6% นับตั้งแต่ต้นปี (ณ 30 เม.ย. 2025)

 

คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์เอกซ์

Most Viewed Ideas
1/5
Related Ideas
Most Viewed Ideas
1/5