Tax Fund Insight

กองทุน SCBRMS&P500 ลงทุนตามดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ S&P500 Index

15 Aug 24 2:14 PM
TAX Funds Insights
Key Summary

INVX มองธีมการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นตัวแทนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีสัดส่วนเกินครึ่งหนึ่งของดัชนีหุ้นโลก เป็นการลงทุนที่จำเป็นในระยะยาว ด้วยการที่หุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และประเทศสหรัฐฯ ยังมีงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของนักลงทุน เช่น APPLE , NIKE , Coca-Cola , Amazon , McDonald , Starbuck ล้วนแล้วแต่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา และด้วยผลตอบแทนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือดัชนี S&P 500 นั้นมีผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ยต่อปีใน 10 ปีย้อนหลังที่ผ่านมาอยู่ที่ 13.7% และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลอีกราว 1-1.5% รวมแล้วเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 15-16% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เพียงพอต่อการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

 

แนะนำกองทุน INVX Top Pick: SCBRMS&P500 ที่มีการลงทุนในกองทุนหลัก iShares Core S&P 500 ETF (IVV) ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดการลงทุน และมีค่าใช้จ่ายต่ำ

Why US Stock Market

           

  • ภาพระยะยาวตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีอำนาจในการกำหนดทิศทางตลาดหุ้นโลกได้ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีสัดส่วนราว 64.5% ของดัชนี MSCI ACWI ซึ่งเป็นตัวแทนของตลาดหุ้นโลก ประกอบกับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมนั้นถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมมากกว่าการผลิตเชิงปริมาณ (Quality over Quantity) ทำให้สัดส่วนอุตสาหกรรมอย่างเทคโนโลยีสูงเกือบ 30% เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดของ S&P500 สะท้อนว่าการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้น เสมือนกับนักลงทุนได้ลงทุนในตลาดหุ้นโลกและลงทุนในประเทศชั้นนำด้านนวัตกรรมไปพร้อมๆ กัน
  • ยุคนี้การจะพัฒนา AI, EV ตลอดจน Smart phone ก็จำเป็นต้องเทคโนโลยี โดยประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก สะท้อนจากข้อมูลยอดขายห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์เมื่อปี 2021 พบว่ายอดขายราว 46% นั้นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของสหรัฐอเมริกานั้นมีตั้งแต่ต้นน้ำ (ผู้ผลิตและออกแบบ IC) ไปยังปลายน้ำ (ผู้สร้าง AI & SaaS)

    semi.jpg
  • นอกจากนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกายังมีการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2019 – 2020 พบว่ามีการใช้จ่ายในงบเพื่อการวิจัยและพัฒนาสู่ระดับ 3.4% เมื่อเทียบกับ GDP และที่น่าสนใจคืองบประมาณดังกล่าวนั้นถูกใช้จ่ายโดยภาคธุรกิจมากกว่าที่จะเป็นภาครัฐ ซึ่งแตกต่างกับในช่วงปี 1964 ที่ผู้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนานั้นมักจะถูกขับเคลื่อนโดยภาครัฐ จากสาเหตุนี้เอง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในระยะกลางยาวนั้นมีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

  • สำหรับอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นมีความน่าสนใจก็คือ “ความแข็งแกร่งของแบรนด์” โดยพบว่าสินค้าที่อยู่ในชีวิตประจำวันของนักลงทุนอย่าง APPLE , NIKE , Coca-Cola , Amazon , McDonald , Starbuck ฯลฯ และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมายล้วนแล้วแต่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นการขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศสหรัฐอเมริกาจึงไม่ได้มีเพียงแต่ด้านเทคโนโลยี แต่ยังมีเรื่องของ Branding Power อีกเช่นกัน ซึ่งทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข็งขันด้านเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างโดดเด่น

  • ดังนั้นเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปรียบเสมือนการลงทุนที่จำเป็นสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยพบว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือดัชนี S&P 500 นั้นมีผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ยต่อปี ใน 10 ปีย้อนหลังที่ผ่านอยู่ที่ 13.73% และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลอีกราว 1% - 1.5% รวมแล้วเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 15 – 16% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เพียงพอต่อการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

Why SCBRMS&P500

  • กองทุน SCBRMS&P500 มีการลงทุนในกองทุนหลัก iShares Core S&P 500 ETF (IVV) ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดการลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งกองทุนนี้ถูกบริหารจัดการโดย BlackRock ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีวัตถุประสงค์ในการติดตามผลการดำเนินงานของดัชนี S&P 500 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 500 บริษัทในสหรัฐฯ โดยดัชนีดังกล่าวเป็นหนึ่งในดัชนีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและมักถูกใช้เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการวัดผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
  • การลงทุนใน IVV นั้นมีความน่าสนใจหลายประการ หนึ่งในนั้นก็คงหลีกหนีไม่พ้นเรื่องการกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 500 บริษัท จึงครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้การกระจายความเสี่ยงในเชิงของกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ด้วยกองทุนที่มีลักษณะเป็น ETF และ Passive Fund มักจะมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนประเภท Active Fund เนื่องจากมีลักษณะการบริหารจัดการที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยกองทุนประเภท ETF และ Passive Fund ไม่ต้องการการวิเคราะห์เชิงลึกหรือการตัดสินใจในการเลือกหุ้นเป็นรายตัวเหมือนกับกองทุนประเภท Active ที่มีผู้จัดการกองทุนคอยคัดเลือกหุ้นให้ จึงทำให้กองทุนประเภท ETF และ Passive Fund ที่ไม่ต้องการผู้จัดการกองทุนในการตัดสินใจ ประกอบกับการที่กองทุนประเภทดังกล่าวสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาที่ตลาดเปิดทำการ และมักมีการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการกองทุนแบบอัตโนมัติ ตลอดจนการแข่งขันในตลาดกองทุนที่สูง จึงทำให้ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการกองทุนประเภทดังกล่าวต่ำกว่าประเภท Active Fund อย่างมาก โดย IVV นั้นมีค่าใช้จ่ายเพียง 0.03% ต่อปีเท่านั้น และตลอดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2024) กองทุนนี้มีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 13.1%

10y.jpg

Source: Bloomberg

 

หากพูดถึงหุ้นที่กองทุนมีการถืออยู่ 10 อันดับแรก ก็จะเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงและมีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น

  • Apple Inc. (AAPL) เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่าง iPhone, iPad, และ Mac ความสามารถในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ แลมีฐานลูกค้าที่ชื่นชอบและเป็นสาวกระบบปฏิบัติการ iOS จึงทำให้ Apple มีรายได้และกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • Microsoft Corporation (MSFT) เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น Windows, Office, และ Azure การเติบโตของธุรกิจ Cloud Computing และการมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในตลาดองค์กร
  • NVIDIA Corporation (NVDA) เป็นผู้นำในตลาดการ์ดจอและชิปกราฟิก มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเกมและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เนื่องจากการเติบโตของตลาดเกมและการใช้ชิปกราฟิกในงานปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องทำให้ NVIDIA จึงเป็นหุ้นที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
  • Amazon.com, Inc. (AMZN) เป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการให้บริการที่หลากหลาย เช่น Amazon Prime, AWS, และ Alexa
  • Meta Platforms, Inc. (META) ซึ่งเดิมชื่อ Facebook เป็นบริษัทโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมอย่าง Facebook, Instagram, และ WhatsApp
  • Alphabet Inc. (GOOGL) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google เป็นเครื่องมือค้นหาที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีบริการที่หลากหลาย เช่น YouTube, Google Cloud, และ Android นอกจากนี้ยังให้บริการด้านธุรกิจโฆษณาออนไลน์และธุรกิจ Cloud Computing อีกด้วย
  • Berkshire Hathaway Inc. (BRK.B) เป็นบริษัทการลงทุนที่มีชื่อเสียง นำโดย Warren Buffett มีการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม การมีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพทำ
  • Eli Lilly and Company (LLY) เป็นบริษัทเภสัชกรรมที่มีชื่อเสียง มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในการรักษาโรคต่างๆ การมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับและการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
  • Broadcom Inc. (AVGO) เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตชิปและเซมิคอนดักเตอร์
  • Tesla, Inc. (TSLA) เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าและพลังงานทดแทน

ดังนั้นการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี RMF กองทุน SCBRMS&P500 ที่มีการลงทุนในกองทุนหลัก IVV ที่ลงทุนในหุ้นที่มีความมั่นคงและศักยภาพในการเติบโตสูง ทำให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ด้วยค่าธรรมเนียมการจัดการที่ต่ำ มีการกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นหนึ่งในกองทุนทางเลือกที่ทางทีม Wealth Products & Strategy นำมาแนะนำเข้าสะสมลงทุนได้ในระยะยาว

 

คำเตือน: ผลการดำเนินในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนที่ได้รับในอนาคต กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์เอกซ์

Most Viewed Ideas
1/5
Related Ideas
Most Viewed Ideas
1/5