Key Summary
สรุปกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ที่ INVX แนะนำ
- กองทุนหุ้น Active: ASP-ThaiESG
- กองทุนหุ้น Passive: K-TNZ-THaiESG
- กองทุนตราสารหนี้: KKP GB THAI ESG
- กองทุนผสม: SCBTM(ThaiESGA)
INVX Top Pick: สำหรับ ThaiESG
ตราสารทุน สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นได้ ต้องการเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเงินต้น และต้องการลงทุนในธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับปัจจัย ESG โดยกองทุนที่เราแนะนำสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management ซึ่งได้แก่ ASP-ThaiESG สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง ต้องการเลือกลงทุนทั้งในหุ้นขนาดใหญ่ และหุ้นขนาดกลาง-เล็กโดยมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแล และกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive Management ได้แก่ K-TNZ-THAIESG สำหรับผู้ที่ต้องการทางเลือกการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ ต้องการเห็นการเติบโตของเงินต้นสอดคล้องไปกับการเติบโตของหุ้นขนาดใหญ่
รายละเอียดกองทุนตราสารทุน
1) กองทุน ASP-ThaiESG
- ลงทุนในหุ้นไทยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SET (หุ้นขนาดใหญ่) และ MAI (หุ้นขนาดเล็ก) ที่มีความโดดเด่นด้าน ESG ราว 20-30 บริษัท
- ใช้กลยุทธ์ Positive Screening โดยจะคัดเลือกหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ ESG และมาตรฐานความยั่งยืนได้อย่างครบถ้วนให้เข้ามาอยู่ในกรอบการลงทุน และจะเน้นเลือกลงทุนในบริษัทที่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
- มีการวิเคราะห์และประเมินปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอย่างเชิงลึก โดยจะประเมินทั้งภาพรวมและความน่าสนใจของแต่ละอุตสาหกรรม และวิเคราะห์ธุรกิจอย่างเชิงลึกเพื่อเฟ้นหาธุรกิจคุณภาพสูงที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีความยั่งยืนของกำไร นอกเหนือไปจากนั้น ทีมผู้จัดการกองทุนยังจะประเมินปัจจัย อย่าง มูลค่า และโมเมนตัมของราคาหุ้นเพิ่มเติม
- ทีมผู้จัดการกองทุนมีความสามารถ และมีประสบการณ์ในการบริหารกองทุนหุ้นไทย โดยใช้ทีมบริหารเดียวกันกับกอง ASP-SME-A ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นไทยขนาดเล็กที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น
- นับตั้งแต่ต้นปี (ณ 31 ส.ค. 2024) กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ -3.73% เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด SET TRI ที่มีผลตอบแทน -1.20% ในช่วงเวลาเดียวกัน
2) กองทุน K-TNZ-ThaiESG
- ลงทุนแบบเชิงรับ (Passive) ในหุ้นไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET100 ในบริษัทที่มีเป้าหมาย และแผนการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างชัดเจน (Net Zero) โดยมุ่งหวังให้ผลตอบแทนของกองทุนเคลื่อนไหวสอดคล้องกับดัชนี SET100
- ทำงานร่วมกับ Lombard Odier และนำปัจจัย Implied Temperature Rise (ITR) มาใช้ในกระบวนการวิเคราะห์หุ้นรายตัว เพื่อประเมินว่าบริษัทที่จะเข้าลงทุนมีส่วนทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำ
- สร้างพอร์ตจากโมเดล Implied Temperature Rise (ITR) โดยจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน “Ice Cubes” หรือกลุ่มบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง แต่มีแผนลดการปล่อยก๊าซลงอย่างชัดเจน เนื่องจาก Lombard Odier เชื่อว่าบริษัทกลุ่มนี้จะมีแนวโน้มช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า และช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้เร็วขึ้น
- นับตั้งแต่ต้นปี (ณ 31 ส.ค. 2024) กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ -1.45% เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด SET 100 TRI ที่มีผลตอบแทน -0.89% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ตราสารหนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ต้องการการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ และต้องการลงทุนในตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มความยั่งยืน โดยกองทุนที่เราแนะนำสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กองทุนสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว ซึ่งได้แก่ KKP GB THAI ESG และกองทุนสำหรับผู้ที่ต้องการสลับไป-มาระหว่างกองทุนตราสารทุนและกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ K-ESGSI-ThaiESG
1) กองทุน KKP GB THAI ESG
- ลงทุนในตราสารภาครัฐ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาวราว 85% ของพอร์ตการลงทุน และลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้นอีก 15% ของพอร์ต และมีเป้าหมายอายุเฉลี่ยของตราสารในพอร์ตอยู่ที่ราว 8-10 ปี
- ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ได้แก่ ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) และตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked Bond)
- กองทุนมีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับกองทุนตราสารหนี้ ThaiESG โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการเพียง 0.19% ต่อปี มีอัตราค่าใช้จ่ายรวมเพียง 0.25% ต่อปี
- กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 3.29% นับตั้งแต่ต้นปี (ณ 31 ส.ค. 24)
2) กองทุน K-ESGSI-ThaiESG
- ลงทุนในตราสารภาครัฐ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเพื่อความยั่งยืนราว 80-95% ของพอร์ต และสามารถลงทุนในตราสารหนี้อื่นได้ในส่วนที่เหลือ และตั้งเป้าหมายอายุเฉลี่ยของตราสารในพอร์ตอยู่ที่ราว 8-9 ปี
- เหมาะสำหรับผู้ที่ลงทุนที่มีเวลาติดตามตลาดด้วยตัวเอง และต้องการลงทุนแบบเชิงรุก (Active) ด้วยตัวเอง เนื่องจากสามารถสลับไป-มาระหว่างกองทุนตราสารหนี้และกองทุนตราสารทุนที่เราแนะนำอย่าง K-TNZ-ThaiESG ได้
- กองทุนมีค่าใช้จ่ายต่ำเป็นอันดับสองเมื่อเทียบกับกองทุนตราสารหนี้ ThaiESG โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการเพียง 0.19% ต่อปี มีอัตราค่าใช้จ่ายรวมเพียง 0.25% ต่อปี
กองทุนผสม สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง ต้องการการลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้โดยมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยดูแล โดยกองทุนที่เราแนะนำ ได้แก่ SCBTM(ThaiESGA)
1) กองทุน SCBTM(ThaiESGA)
- ลงทุนแบบผสมอย่างยืดหยุ่น 0-100% ทั้งในตราสารหนี้ และตราสารทุนของบริษัทในไทย โดยมีการนำปัจจัยด้าน ESG มาใช้วิเคราะห์หลักทรัพย์ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของกิจการ และมุ่งบริหารแบบเชิงรุกโดยพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนสไตล์การลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด
- มีทีมนักวิเคราะห์คอยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของแต่ละบริษัท ทั้งในด้านปัจจัยพื้นฐานและภาพรวมอุตสาหกรรมสำหรับการลงทุนในตราสารทุน รวมถึงในด้านเครดิตและอันดับความน่าเชื่อถือสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้
- เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น โดยสามารถสลับไปกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ของบลจ.ไทยพาณิชย์ได้
- มีให้เลือกทั้งคลาสสะสมมูลค่า SCBTM(ThaiESGA) และคลาสจ่ายปันผล SCBTM(ThaiESG)
- กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ -2.81% นับตั้งแต่ต้นปี (ณ 31 ส.ค. 24)
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์เอกซ์