Key Summary
แนะนำเข้าลงทุนหุ้นยุโรปสำหรับการลงทุนในระยะกลาง (> 6 เดือน) มองระดับดัชนี STOXX 600 มีเป้าหมายที่ 600 จุด (+8.7%) โดยใช้ระดับ 525 จุด เป็นจุด Stop loss ทางเทคนิคเบื้องต้น ทั้งนี้ การตัดสินใจออกจาก position จะพิจารณาร่วมกับปัจจัยมหภาคและปัจจัยพื้นฐาน
- Event: การเจรจาการค้าระหว่างยุโรปและสหรัฐฯมีสัญญาณที่ดีขึ้น พร้อมกับสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปที่มีความชัดเจน
- Fundamental: เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มเติบโตอย่างเร่งตัวในปี 25-27 โดยได้รับแรงหนุนจากประเทศภายในภูมิภาคยุโรปที่ใช้นโยบายการคลังแบบขาดดุลมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเติบโตแบบเร่งตัวขึ้นในปี 2026 ในขณะที่เงินเฟ้อยุโรปมีแนวโน้มอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
- Technical: ดัชนี STOXX600 ส่งสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น หลังเกิด Triangle Pattern และมีการ Break out เป็นขาขึ้น
- แนะนำกองทุน: ES-EG-A
[Theme play คือ กลยุทธ์ที่มองหาโอกาสการลงทุนจากปัจจัยพื้นฐาน การปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง เทรนด์ และแนวโน้มการลงทุนใหม่ๆ ที่เป็นโอกาสการลงทุน]
Event
- การเจรจาระหว่างยุโรปและสหรัฐฯมีความคืบหน้ามากขึ้น ประธานกรรมาธิการยุโรป ระบุหลังได้สนทนากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า ยุโรปและสหรัฐฯเข้าใกล้การบรรลุกรอบข้อตกลงในเบื้องต้น (Framework) โดยยุโรปจะยอมรับข้อตกลงการเก็บภาษีสินค้าส่วนใหญ่ที่ 10% แต่ต้องการให้สหรัฐฯกำหนดอัตราภาษีที่ต่ำกว่า 10% ในสินค้าสำคัญ เช่น ยา ชิ้นส่วนเครื่องบิน เซมิคอนดักเตอร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น หากยุโรปสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯได้จะเป็นปัจจัยเร่งให้ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้
- กิจกรรมทางเศรษฐกิจยุโรปส่งสัญญาณเชิงบวก ภาคการบริการที่ยังคงขยายตัว ในขณะที่ภาคการผลิตมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยอ้างอิงจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของยุโรปในเดือนมิถุนายน 2568 ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.5 จุด สะท้อนว่ากิจกรรมในภาคบริการยังคงอยู่ในภาวะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตอยู่ที่ 49.5 จุด ใกล้เคียงกับระดับสมดุลที่ 50 จุด และถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 34 เดือนนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของภาคการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ
- ดัชนี STOXX600 ส่งสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้งหลังจากพักตัวไป 2 เดือน โดยดัชนีมีการทำ Triangle Pattern และ Break out บริเวณ 550 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น
Fundamental
- การใช้นโยบายการคลังในกลุ่มประเทศยุโรปที่ผ่อนคลายมากขึ้น นำโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการเสริมสร้างศักยภาพด้านการป้องกันประเทศของเยอรมนี มีแนวโน้มช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองว่าเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มเติบโตเร่งตัวขึ้น โดยอ้างอิงจากรายงานของ World Bank เดือน มิ.ย. 68 ที่มองว่า เศรษฐกิจยุโรปจะเติบโตขึ้น 0.7%, 0.8% และ 1.0% ในปี 68-70 ตามลำดับ
ดัชนี PMI ภาคการผลิต และ ภาคการบริการ ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Source: InnovestX Investment Products & Strategy, Bloomberg as of 11 July 2025
- เงินเฟ้อยุโรปอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยเดือนมิถุนายนขยับขึ้นแตะ 2% สอดคล้องกับเป้าหมายของ ECB หลังเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 1.9% โดย Core inflation ทรงตัวที่ 2.3% ส่งผลให้ ECB ยังมีโอกาสใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อ และมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้หากมีความจำเป็น
เงินเฟ้อยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

Source: InnovestX Investment Products & Strategy, Bloomberg as of 11 July 2025
- คาดว่า EPS ของดัชนี STOXX 600 จะเริ่มเติบโตอย่างชัดเจนในปี 2026 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายการคลังของประเทศในยุโรป ซึ่งคาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างเต็มที่ในปี 2026 เราเชื่อว่าตลาดหุ้นยุโรปจะเริ่มรับรู้ปัจจัยบวกนี้ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025 จากนักลงทุนที่เริ่มมองหาโอกาสการลงทุนผ่านใช้การเติบโตของ EPS ใน 2026 เป็นปัจจัยช่วยในการตัดสินใจลงทุน ในขณะที่ Valuation ยังไม่แพง โดย STOXX 600 มี FWD PE อยู่ที่ระดับราว 14.65 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 10 ปี และหากพิจารณาดัชนี FTSE100 ที่เป็นหุ้นของ UK พบว่า ยังอยู่ที่ระดับราว 13.1 เท่าซึ่งถือว่ามีราคาที่ถูกกว่าภูมิภาค
กำไรต่อหุ้น (EPS) ของยุโรปมีการเติบโตอย่างเร่งตัวขึ้นในปี 2026

Source: InnovestX Investment Products & Strategy, Bloomberg as of 11 July 2025
Technical
- ดัชนี STOXX600 ส่งสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้งหลังจากพักตัวไป 2 เดือน โดยดัชนีมีการทำ Triangle Pattern และมีการ Break out บริเวณ 550 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น ทั้งนี้เรามอง Target Index อยู่ที่ 600 จุด (+8.7%) ในขณะที่มองจุด Stoploss อยู่ที่ 525 จุด (-5%) ทั้งนี้ การตัดสินใจออกจาก position จะพิจารณาร่วมกับปัจจัยมหภาคและปัจจัยพื้นฐาน
ดัชนี STOXX 600 ทำสัญญาณ Break out ในรูปแบบ Triangle Pattern

Source: InnovestX Investment Products & Strategy, Bloomberg as of 11 July 2025
ดังนั้น เราแนะนำเข้าลงทุนหุ้นยุโรป หลังราคาเบรกกรอบสะสม และได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจและการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2026 ที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น
กองทุนแนะนำ: ES-EG-A กองทุนหุ้นยุโรป All Cap ที่เฟ้นหาผู้ชนะเชิงโครงสร้างที่มีความสามารถแข่งขันในระยะยาว
แนวทางการคัดเลือกกองทุน ES-EG-A
- คัดเลือกกองทุนจาก Universe กองทุน Feeder Fund หุ้นยุโรปแบบ Active ที่มีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
- คัดเลือกกองทุนที่มี Alpha เหนือดัชนีชี้วัด (MSCI Europe) สม่ำเสมอในระยะกลางถึงยาว และมีระดับความเสี่ยงที่ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด
- คัดเลือกกองทุนที่ตอบโจทย์แนวทางกลยุทธ์ โดยกองทุนมีหุ้นในประเทศเยอรมนีและอังกฤษในสัดส่วนที่สูง และมีกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานและเสริมสร้างศักยภาพด้านการป้องกันประเทศ
จาก Universe กองทุนรวมหุ้นยุโรปสหรัฐฯ ขนาดเล็กของทาง INVX มีทั้งหมด 6 กองทุนด้วยกัน

Source: Fund Factsheet
ทาง INVX คัดเลือกกองทุนเพื่อตอบโจทย์กลยุทธ์โดย Universe กองทุนหุ้นยุโรป Active จะโฟกัสกลุ่มที่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะมีทั้งหมด 6 กองทุน โดยเราเน้นกองทุนที่สามารถสร้าง Alpha ได้โดดเด่นและสม่ำเสมอทั้งในด้านผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปี และ 5 ปี รวมถึงผลการดำเนินงานเฉลี่ยในช่วง 5 ปีปฏิทินย้อนหลัง ความเสี่ยงกองทุน ผลตอบแทนเทียบความเสี่ยง และอัตราการขาดทุนสูงสุด จึงคัดออกมาเหลือเพียง 2 กองทุน ซึ่งได้แก่ Wellington Strategic Europe, GS Eurozone Equity Income

Source: Morningstar
เมื่อพิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพอร์ตการลงทุนปัจจุบันของกองทุน ทางกองทุน Wellington Strategic European Equity จะมีสัดส่วนการลงทุนในส่วนของประเทศเยอรมนีและสหราชอาณาจักรที่มากกว่า รวมถึงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Industrials ที่ค่อนข้างมีน้ำหนักไปในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่ตอบโจทย์ต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในช่วงที่ผ่านมารวมถึงปัจจัยหนุนจากนโยบายการคลังในกลุ่มประเทศยุโรป อีกทั้งมีการ Balance พอร์ตการลงทุนด้วยกลุ่ม Consumer Staples ที่มีกระแสเงินสดที่ดี และมี Competitive Advantage เพื่อรองรับสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงในระยะถัดไป ขณะที่สัดส่วนการลงทุนของกองทุน GS Eurozone Equity Income จะเน้นไปทางด้านประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนี โดยกลุ่ม Industrials ที่กองทุนถืออยู่จะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

Source: Wellington and GS as of 31 May 2025
รายละเอียดกองทุนแนะนำ
กองทุนเปิดอีสท์สปริง European Growth (ES-EG-A)
- Category: กองทุนหุ้นยุโรป
- Master Fund: Wellington Strategic European Equity Fund
- Front-end Fee: 1.50%
- Management Fee: 1.07%
- Total Expense Ratio: 1.25%
Source: Fund Factsheet as of 30 April 2025
Investment Philosophy: ปรัชญาการลงทุน
- มองหาหุ้นที่มีการเติบโตเชิงโครงสร้าง ไม่ว่าจะผ่านการมี Business Model ที่เหนือกว่าคนอื่น หรือการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
- มองหาหุ้นที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง และมีปราการสามารถป้องกันข้อได้เปรียบที่มีในระยะยาว
- ต้องเป็นหุ้นที่มีมูลค่าที่เหมาะสม โดยที่ศักยภาพในการเติบโตที่แท้จริงยังไม่ถูกสะท้อนเข้าไปในราคาหุ้นอย่างเต็มที่
Investment Personnel: ทีมผู้จัดการกองทุน
- นำทัพโดยคุณ Dirk Enderlein, CFA ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการลงทุนมามากกว่า 27 ปี
- มีทีมนักวิจัยอีก 3 ท่านซึ่งมีประสบการณ์รวมกันมากกว่า 34 ปี คอยให้การสนับสนุนเพิ่มเติม
Portfolio Construction: แนวทางการสร้างพอร์ต
- ลงทุนในหุ้นยุโรป All Cap
- ลงทุนในหุ้นราว 50 – 80 บริษัท
- ลงทุนแบบยืดหยุ่นโดยไม่ยึดติดกับดัชนีชี้วัด มีอิสระในการสร้างพอร์ต
กลุ่มประเทศที่ลงทุน (as of 31 May 2025)
- United Kingdom 28.7%
- Germany 16.4%
- France 13.5%
- Ireland 6.5%
- Switzerland 6.4%
- Belgium 4.9%
- Denmark 4.7%
- Spain 3.9%
- Austria 3.6%
- Other 11.3%
Source: Wellington
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุน (as of 31 May 2025)
- Industrials 31.0%
- Financials 21.5%
- Consumer Staples 15.0%
- Health Care 11.5%
- Materials 5.1%
- Consumer Discretionary 4.9%
- Communication Services 4.7%
- IT 3.1%
- Energy 2.8%
- Other 0.4%
Source: Wellington
หุ้น 5 อันดับแรกในกองทุน (as of 31 May 2025)
- British-Amer Tobacco 5.4%
- Haleon 3.6%
- AIB Group 3.5%
- Unilever 3.5%
- Smiths Group 3.4%
Source: Wellington
ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนรวม (as of 30 Jun 2025)
- ผลตอบแทนในช่วง 1 ปีย้อนหลัง 29.0% เมื่อเทียบกับ MSCI Europe NR EUR ที่ 8.1%
- ผลตอบแทนในช่วง 3 ปีย้อนหลังเฉลี่ย 20.6% ต่อปี เมื่อเทียบกับ MSCI Europe NR EUR เฉลี่ย 12.8% ต่อปี
- ผลตอบแทนในช่วง 5 ปีย้อนหลังเฉลี่ย 17.0% ต่อปี เมื่อเทียบกับ MSCI Europe NR EUR เฉลี่ย 11.4% ต่อปี
Source: Morningstar
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์