InnovestX แนะนำขายทำกำไรสำหรับการลงทุนใน U.S. Financials กองทุน TUSFIN-A ที่มีแนะนำเข้าลงทุนครั้งแรกวันที่ 3 ม.ค. 2025
โดยใช้โอกาสที่หุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวแรงในช่วงที่ผ่านมาขายทำกำไร การลงทุนในหุ้น U.S. Financials หลังภาพปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าและเศรษฐกิจ แม้สหรัฐฯ และจีนจะตกลงลดภาษีนำเข้าชั่วคราว เป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดทางเจรจารอบใหม่ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและแรงกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากระดับภาษียังสูงในระดับเมื่อเทียบกับอดีต
Rationale: ขายทำกำไรหุ้น US Financials จากเหตุผลดังต่อไปนี้
1. Sentiment บวกอาจสะท้อนในราคาหุ้นไปมากแล้ว
โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวแรงจากข่าวดีเรื่องข้อตกลงลดภาษีชั่วคราว 90 วัน แต่ระดับภาษียังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอดีต และความไม่แน่นอนจากท่าทีของทรัมป์ยังคงอยู่ หากกลับมาท่าทีแข็งกร้าวอีกครั้ง อาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดอีกระลอก
2. แม้กำไรของกลุ่ม U.S. Financials จะอยู่ในระดับดีเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ แต่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวในธุรกิจ Capital Market และสินเชื่อ จากกิจกรรม IPO เริ่มลดลง สะท้อนภาพกำไรของกลุ่ม Capital Market ที่อาจชะลอตัว และธนาคารสหรัฐฯ เริ่มเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น สะท้อนถึงความกังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งอาจกดดันการเติบโตของสินเชื่อและกำไรของกลุ่ม Bank ในระยะถัดไป
3.Valuation ของหุ้นกลุ่ม U.S. Financials อยู่ในระดับที่ตึงตัว สะท้อนจาก 12M FWD P/E และ P/BV ของกลุ่ม U.S. Financials อยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ระดับ +2 S.D. สะท้อนว่าราคาหุ้นสะท้อนภาพบวกไปมากแล้ว จึงจำกัดโอกาสการปรับขึ้นต่อ
ดังนั้น ในโอกาสตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นมาแรงจากการที่ตลาดคลายความกังวลช่วงสั้นจากความคืบหน้าการเจราการค้าสหรัฐ-จีน เราจึงแนะนำให้นักลงทุนใช้โอกาสนี้ในการขายทำกำไรหุ้น U.S. Financials เพื่อลดความเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อ Valuation เริ่มตึงตัว ขณะที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจและนโยบายยังคงมีอยู่
[Theme play คือ กลยุทธ์ที่มองหาโอกาสการลงทุนจากปัจจัยพื้นฐาน การปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง เทรนด์ และแนวโน้มการลงทุนใหม่ๆ ที่เป็นโอกาสการลงทุน]
Macroeconomic
ภาพที่ 1: กลุ่ม Financials สหรัฐฯ ได้ประโยชน์จากนโยบายของ Trump มากที่สุด
Source: InnovestX Wealth Products & Strategy, Bloomberg, J.P. Morgan Equity Macro Research as of December 2024
ภาพที่ 2: หุ้นกลุ่ม Financials ได้ประโยชน์จากนโยบายปรับลดภาษีนิติบุคคลค่อนข้างมาก เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ
คาดว่ากลุ่ม Financials จะได้ประโยชน์จากการปรับลดภาษีนิติบุคคลค่อนข้างมาก เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่อยู่ภายในประเทศสหรัฐฯ และ หุ้นกลุ่มนี้ในปัจจุบันมีการเสียภาษีเฉลี่ยอยู่ที่ 23% ซึ่งสูงกว่าระดับ 21% ดังนั้น หากมีการปรับลดภาษีจาก 21% เป็น 15% จะกระทบต่อการปรับขึ้นของกำไรของกลุ่ม Financials ค่อนข้างมาก
Source: InnovestX Wealth Products & Strategy, Standard & Poor’s, J.P. Morgan Asset Management. Based on data available for 456 of 503 companies in the S&P 500. Data are as of November 13, 2024.
ภาพที่ 3: หลังทรัมป์รับตำแหน่ง มักจะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและผู้ผลิตเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ส่งผลดีต่อกลุ่ม Financials Services และการฟื้นตัวของภาคการผลิต กระตุ้นต่อการขยายตัวของสินเชื่อ ส่งผลดีต่อกลุ่ม Bank
Source: InnovestX Wealth Products & Strategy, Bloomberg as of 30 December 2024
ภาพที่ 4: เส้นอัตราผลตอบแทนกลับมาเป็นลักษณะ Normal Yield Curve และมีแนวโน้มแบบ Steepening ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร
Source: InnovestX Wealth Products & Strategy, Bloomberg as of 30 December 2024
Valuation & Growth
ภาพที่ 5: หุ้น Financials สหรัฐฯ ซื้อขายในระดับ Premium จากความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตเหนือกว่าตลาดอื่น
Source: InnovestX Wealth Products & Strategy, Bloomberg as of 30 December 2024
ภาพที่ 6: หุ้น Financials สหรัฐฯ กำไรถูกปรับประมาณการขึ้นต่อเนื่อง และโดดเด่นกว่าดัชนี S&P 500
Source: InnovestX Wealth Products & Strategy, Bloomberg as of 30 December 2024
Technical analysis
ในด้านแนวโน้มราคาของหุ้น U.S. Financials Sector เชิงเทคนิค พิจารณาจากทิศทางของดัชนี XLF ETF ยังเป็นเทรนด์ขาขึ้น โดยดัชนีราคายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และราคาทำ Higher high และ Higher low มาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2024 อีกทั้ง หากพิจารณาความแข็งแกร่งของ หุ้น U.S. Financials Sector สะท้อนจาก Relative Strength เมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 พบว่า หุ้น U.S. Financials Sector มีความแข็งแกร่งกว่ามาก บ่งชี้ว่าหุ้นกลุ่มนี้มีโมเมนตัมแกร่ง เรามองเป้าหมายผ่านดัชนีอ้างอิง XLF ETF ที่บริเวณ $54.18
Source: InnovestX Wealth Products & Strategy, Bloomberg as of 30 December 2024
กองทุนแนะนำ: TUSFIN-A
จาก Universe หุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐฯ (ที่เน้นลงทุนในกองทุนหลักเพียงกองทุนเดียว) ของ INVX มีทั้งหมดจำนวน 3 กองทุน
Source: Fund Fact Sheet as of 30 November 2024
การพิจารณาคัดเลือกกองทุน TUSFIN-A
Source: iShares and SPDR as of 30 Dec 2024
Source: Morningstar as of 30 Nov 2024
Source: TISCOASSET, LHFUND, iShares and SPDR as of 30 Nov 2024
ดังนั้นทางทีมจึงพิจารณาแนะนำกองทุนรวม TUSFIN-A เนื่องจากเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในกองทุนหลัก XLF ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนแบบอ้างอิงดัชนี Financial Select Sector ใน S&P 500 Index ซึ่งมีภาพรวมผลการดำเนินงานใกล้เคียงกับกอง IYG ในระยะกลาง-ยาว ขณะที่ XLF มี Risk-adjusted Return ที่ดีกว่า และมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนสามารถเข้าลงทุนในกองทุนทางเลือก LHUSFIN-A ได้เช่นกัน
สรุปจุดเด่นของกองทุนและกองทุนหลัก Financial Select Sector SPDR® Fund (XLF)
กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส ไฟแนนเชียล (TUSFIN-A) เป็นกองทุนรวมหุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ที่ลงทุนในกองทุนหลัก Financial Select Sector SPDR Fund (XLF) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Financial Select Sector ที่สร้างผลการดำเนินงานอ้างอิงสะท้อนกลุ่มการเงินในดัชนี S&P 500
ซึ่งกองทุนหลัก Financial Select Sector SPDR Fund ถูกบริหารโดย State Street Global Advisors (SSGA) มีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NYSE ARCA และซื้อขายด้วยสกุลเงิน USD มีสภาพคล่องสูง โดยมีขนาดกองทุนกว่า USD48 Billion และมีกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ในดัชนี S&P 500 เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มการเงินในดัชนี S&P 500 ซึ่งดัชนีอ้างอิงของกองทุนหลัก (Financial Select Sector) โดย ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2024 ดัชนีอ้างอิงมีหุ้นอยู่ทั้งหมด 73 ตัว
ทั้งนี้ ดัชนีอ้างอิงมีการให้น้ำหนักหุ้นรายตัวด้วยวิธี Modified Market Cap Weight โดยจะพิจารณาจาก Float-adjusted Market Capitalization (FMC) ของหุ้นแต่ละตัว และหากหุ้นใดที่มี FMC เกิน 24% จะถูกจำกัดน้ำหนักของหุ้นให้ไม่เกิน 23% (มี buffer 2%) นอกจากนี้ ยังมีการจำกัดให้หุ้นที่มีน้ำหนักเกินกว่า 4.8% ในดัชนีเมื่อเอาทุกตัวรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 50% ของดัชนี (มี buffer ต่ำกว่า 5%) เพื่อให้ดัชนีไม่กระจุกในหุ้นขนาดใหญ่มากเกินไป และจะมีการ Rebalance Index 4 ครั้งต่อปีในทุก ๆ ไตรมาส เพื่อให้ดัชนีสะท้อนสะท้อนความเคลื่อนไหว และการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างเหมาะสม
กลุ่มอุตสาหกรรมย่อย (ณ 30 ธ.ค. 2024)
Top holdings (ณ 30 ธ.ค. 2024)
ผลการดำเนินงานของกองทุนหลักย้อนหลัง (ณ 30 พ.ย. 2024)
คำเตือน: ผลการดำเนินในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนที่ได้รับในอนาคต กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์