สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลดลงจากความกังวลสงครามอิสราเอล-อิหร่านที่ยังคงต่อเนื่อง หลังเริ่มขึ้นปลายสัปดาห์ก่อน และยังไม่มีทีท่ายุติอย่างชัดเจน ล่าสุดสหรัฐอยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าร่วมสงครามด้วย ด้านการประชุม FOMC ในวันที่ 17-18 มิ.ย. คณะกรรมการมีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยในกรอบ 4.25–4.50% ตามที่ตลาดคาด แต่ภาพ Stagflation เพิ่มขึ้น จากประมาณการเศรษฐกิจของ Fed ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวน้อยลง เงินเฟ้อสูงขึ้น และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยรวม Fed ยังคงท่าที “Wait and see” แม้ Dot Plot จะยังคงมองลด 2 ครั้งในปีนี้ แต่จำนวนเสียงการไม่ลดดอกเบี้ยเลยเพิ่มขึ้น ด้านตัวเลขยอดขายปลีกสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว โดยหดตัว -0.9% MoM ต่ำกว่าตลาดคาด ฝั่ง BoE และ BoJ คงดอกเบี้ยตามคาด โดย BoJ ยังคงแนวทางลดการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) อย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลาดหุ้น EM ปรับลงจากความกังวลสงครามเช่นกัน อีกทั้งรัฐบาลจีนยังมีท่าทีของที่จะปรับลดมาตรการสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ ขณะที่กิจกรรมเศรษฐกิจจีนเดือน พ.ค. ในส่วนของการบริโภคได้รับแรงหนุนชั่วคราวจาก “เทศกาลช้อปปิ้ง 618” ที่เริ่มเร็วกว่าปกติ แต่ในภาคส่วนอื่นชะลอตัว ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง จากความกังวลปัจจัยการเมืองในประเทศ หลังจากสมเด็จฮุนเซนเผยแพร่การบันทึกเสียงการสนทนาส่วนตัวกับนายกฯ การถอนตัวจากรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย และนำไปสู่การเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก/ยุบสภา ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเกินกว่า 10% WoW เข้าใกล้ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากเหตุสงครามในตะวันออกกลาง
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลดลงในสัปดาห์นี้ จากปัจจัยมหภาคสำคัญ ได้แก่ (1) ท่าทีของ Fed ที่ Hawkish มากขึ้นสะท้อนผ่าน Dot Plot ปี 2025 คณะกรรมการ 7 คน คาดว่า จะไม่มีการลดดอกเบี้ยเลยในปีนี้ (เพิ่มขึ้นจาก 4 คนในเดือน มี.ค.) (2) สถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ระบุว่ากำลังเตรียมความพร้อมสำหรับปฏิบัติการโจมตีอิหร่าน
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากปัจจัยในประเทศ (1) สมเด็จฮุนเซนเผยแพร่การบันทึกเสียงการสนทนาส่วนตัวกับนายกฯแพทองธาร ในประเด็นด้านการทหาร รวมถึงมีการเจรจาเปิดด่านชายแดน ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลและการถอนตัวจากรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย และนำไปสู่การเรียกร้องให้ยุบสภา (2) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงผลการพิจารณาคำขออนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารไร้สาขา
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวที่ 4.40% ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปีทรงตัวที่ 3.93% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 47bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 1.67% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงที่ 1.47% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 1,607 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน Brent ปรับขึ้น 10.6%WoW สู่ 76.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความกังวลต่อสถานการณ์สู้รบอิสราเอล-อิหร่าน เสี่ยงทำให้อุปทานน้ำมันโลกชะงัก ด้านราคาทองคำ (Spot) ปรับลง 0.46%WoW สู่ 3,370.40 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ลดลงเป็น 98.63 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ 145.23 เยน ด้านค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเป็น 1.15 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาททรงตัวที่ 32.80 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.19 หยวน