ข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังตัวเลขเศรษฐกิจแข็งแกร่งและ Fed Minutes ส่งสัญญาณระมัดระวังเงินเฟ้อ
- จีนเผชิญความท้าทายจากเงินฝืดหลัง CPI เดือน ธ.ค. ขยายตัวเพียง 0.1% ต่อปี
- จีนออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นและต่อสู้กับภาวะเงินฝืด
สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดโลกอ่อนตัวลงเล็กน้อย ปัจจัยกดดันมาจากประเด็นสงครามการค้าของปธน. ทรัมป์ ส่วนด้านบวกมาจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยดัชนี ISM ภาคบริการสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้นสู่ 54.1 ขณะที่ตลาดแรงงานยังดูดี โดยตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLTs) ของสหรัฐเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 8.1 ล้านตำแหน่ง นำโดยการจ้างงานภาคบริการธุรกิจและการเงิน, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. อย่างไรก็ตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน (ADP) เพิ่มขึ้นเพียง 1.22 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดและต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ด้านรายงานประชุมFOMC เดือน ธ.ค. เผยความกังวลต่อความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจสูงกว่าคาด ทำให้ตลาดเริ่มมีความไม่มั่นใจต่อวงจรดอกเบี้ยขาลงในปีนี้ หนุนผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐเร่งตัวขึ้นเข้าใกล้ 4.7% และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น กดดันกระแสเงินไหลออกจากภูมิภาค ด้านตลาดหุ้น EM อ่อนตัวลง นำโดยจีน แม้รัฐบาลจะประกาศมาตรการกระตุ้นการบริโภคครั้งใหญ่ ขยายขอบเขตสินค้าที่ได้รับเงินอุดหนุนและเพิ่มวงเงินสนับสนุน โดยจะออกพันธบัตรพิเศษระยะยาวเป็นแหล่งเงินทุน แต่ความกังวลเรื่องเงินฝืดเพิ่มขึ้น หลังประกาศเงินเฟ้อผู้บริโภคเดือน ธ.ค.ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ส่วนเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) ยังคงติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 27 ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลงจากตลาดที่อยู่ในภาวะขาดความเชื่อมั่น ประเด็นเรื่อง ESG และประเด็นหุ้นรายตัว ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปลายปี หลังภาวะอากาศเย็นปกคลุมทั้งยุโรปและอเมริกา ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซฯ พุ่งขึ้น ระยะสั้น
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดโลกปรับตัวผสมผสานหลังผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังตัวเลขเศรษฐกิจและตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ Fed Minutes ส่งสัญญาณระมัดระวังเงินเฟ้อ ขณะที่จีนเผชิญความท้าทายจากเงินฝืดหลัง CPI เดือน ธ.ค. ขยายตัวเพียง 0.1% ต่อปี ทำให้ทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติม
ตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ตลาดไทยปรับตัวลดลงตามทิศทางโลกหลังจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้น และปัจจัยเฉพาะตัวจากกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เสี่ยงจากปัจจัยเชิงนโยบาย นอกจากนั้น ยังมีประเด็น (1) เงินเฟ้อไทยเดือนธ.ค.67 อยู่ที่ 1.23% ต่ำกว่าคาด ส่วนปี 68 คาดอยู่ในกรอบ 0.3-1.3% (2) กกร. ประเมินปี 2025 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.4-2.9% ส่วนการส่งออกจะขยายตัว ต่ำกว่าปีก่อนภายใต้ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐ
ตลาดพันธบัตร
- ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับตัวขึ้นรุนแรงที่ 4.68% ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปีปรับขึ้นเล็กน้อยที่ 4.26% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 42bps
- ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นที่ 2.34% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 1.98% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 3,791 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ 76.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หนุนจากความกังวลอุปทานตึงตัวและความต้องการใช้น้ำมันสำหรับทำความร้อนในช่วงเผชิญคลื่นความเย็น ด้านราคาทองคำ (spot) เพิ่มขึ้นที่ 2,669.53 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แข็งค่าขึ้นสู่ 109.18 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนลงเล็กน้อยที่ 158.24 เยน ด้านค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงที่ 1.09 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงที่ 34.64 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.33 หยวน
