PDF Available
สรุปสาระสำคัญ
- Fed เตรียมลดดอกเบี้ย ท่ามกลางความท้าทายเงินเฟ้อและแรงกดดันทางการเมือง
- ถอดรหัสทรัมป์ 2: บททดสอบใหม่ของอาเซียน
- Fed เตรียมลดดอกเบี้ย ท่ามกลางความท้าทายเงินเฟ้อและแรงกดดันทางการเมือง
- ถอดรหัสทรัมป์ 2: บททดสอบใหม่ของอาเซียน
สรุปประเด็นFed เตรียมลดดอกเบี้ย ถอดรหัสทรัมป์ 2: บททดสอบใหม่ของอาเซียน 5 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ OCA
- Fed เตรียมลดดอกเบี้ย ท่ามกลางความท้าทายเงินเฟ้อและแรงกดดันทางการเมือง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เตรียมประชุมนโยบายการเงินวันที่ 17-18 ธ.ค. ท่ามกลางความคาดหวังจากตลาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ย.จะยังไม่ชะลอตัวลงตามที่คาดการณ์ เรามองว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ไปสู่ 4.4% ในการประชุมวันที่ 18 ธ.ค.นี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังเข้มงวดเกินไป โดยจากการศึกษาอัตราดอกเบี้ยเป็นกลาง (Neutral Rate) ของสหรัฐพบว่าอยู่ที่ 2.6-3.9% แต่เรายังคาดว่า Fed จะลด 100 bps ในปี 2025 ไปสู่ 3.4% อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจแข็งแกร่งกว่าที่คาด หรือความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงขึ้นจากนโยบายของทรัมป์แล้ว อาจเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด โดยช่วงคาดการณ์อาจอยู่ที่ 3.4-3.8% (หรือลด 2-4 ครั้ง ครั้งละ 25 bps)
- ถอดรหัสทรัมป์ 2: บททดสอบใหม่ของอาเซียน นิตยสาร Nikkei ระบุว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหม่หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง แต่นโยบายของทรัมป์ก็ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ ทั้งจาก (1) การย้ายฐานการผลิตจากจีน: บริษัทจีนและต่างชาติจะมองหาฐานการผลิตใหม่ในอาเซียนมากขึ้น (2) อำนาจต่อรอง: ประเทศที่ช่วยสหรัฐฯ ในการถ่วงดุลอำนาจจีนอาจได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า และ (3) การปรับตัวของห่วงโซ่อุปทาน: กลยุทธ์ "China Plus One"
- เรามองว่า โอกาสที่ไทยรวมถึงประเทศในอาเซียนจะได้ประโยชน์จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน นั้นอาจค่อนข้างยากมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ครั้งนี้อาจแตกต่างออกไป เมื่อความกังวลของสหรัฐฯ ต่อจีนได้ขยายวงกว้างกว่าแค่เรื่องการค้า ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าอาเซียนมีเครื่องมือรับมือความเสี่ยงการค้าอยู่แล้ว ทั้ง RCEP และ CPTPP แต่ปัญหาคือการดำเนินการที่ล่าช้า
- Fed เตรียมลดดอกเบี้ย ท่ามกลางความท้าทายเงินเฟ้อและแรงกดดันทางการเมือง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เตรียมประชุมนโยบายการเงินวันที่ 17-18 ธ.ค. ท่ามกลางความคาดหวังจากตลาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ย.จะยังไม่ชะลอตัวลงตามที่คาดการณ์ เรามองว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ไปสู่ 4.4% ในการประชุมวันที่ 18 ธ.ค.นี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังเข้มงวดเกินไป โดยจากการศึกษาอัตราดอกเบี้ยเป็นกลาง (Neutral Rate) ของสหรัฐพบว่าอยู่ที่ 2.6-3.9% แต่เรายังคาดว่า Fed จะลด 100 bps ในปี 2025 ไปสู่ 3.4% อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจแข็งแกร่งกว่าที่คาด หรือความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงขึ้นจากนโยบายของทรัมป์แล้ว อาจเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด โดยช่วงคาดการณ์อาจอยู่ที่ 3.4-3.8% (หรือลด 2-4 ครั้ง ครั้งละ 25 bps)
- ถอดรหัสทรัมป์ 2: บททดสอบใหม่ของอาเซียน นิตยสาร Nikkei ระบุว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหม่หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง แต่นโยบายของทรัมป์ก็ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ ทั้งจาก (1) การย้ายฐานการผลิตจากจีน: บริษัทจีนและต่างชาติจะมองหาฐานการผลิตใหม่ในอาเซียนมากขึ้น (2) อำนาจต่อรอง: ประเทศที่ช่วยสหรัฐฯ ในการถ่วงดุลอำนาจจีนอาจได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า และ (3) การปรับตัวของห่วงโซ่อุปทาน: กลยุทธ์ "China Plus One"
- เรามองว่า โอกาสที่ไทยรวมถึงประเทศในอาเซียนจะได้ประโยชน์จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน นั้นอาจค่อนข้างยากมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ครั้งนี้อาจแตกต่างออกไป เมื่อความกังวลของสหรัฐฯ ต่อจีนได้ขยายวงกว้างกว่าแค่เรื่องการค้า ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าอาเซียนมีเครื่องมือรับมือความเสี่ยงการค้าอยู่แล้ว ทั้ง RCEP และ CPTPP แต่ปัญหาคือการดำเนินการที่ล่าช้า
Author
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์
Most Read
1
2
News update Thai StocksNews Update - การแพทย์ ความกังวลเรื่องประกันสุขภาพเอกชนจะมีการปรับกรมธรรม์เป็นแบบ Co-payment มากขึ้น => ยังต้องติดตามแต่มองว่าผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นไม่มากNews Update - การแพทย์ ความกังวลเรื่องประกันสุขภาพเอกชนจะมีการปรับกรมธรรม์เป็นแบบ Co-payment มากขึ้น => ยังต้องติดตามแต่มองว่าผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นไม่มาก
3
4
Related Articles
Most Read
1
2
News update Thai StocksNews Update - การแพทย์ ความกังวลเรื่องประกันสุขภาพเอกชนจะมีการปรับกรมธรรม์เป็นแบบ Co-payment มากขึ้น => ยังต้องติดตามแต่มองว่าผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นไม่มากNews Update - การแพทย์ ความกังวลเรื่องประกันสุขภาพเอกชนจะมีการปรับกรมธรรม์เป็นแบบ Co-payment มากขึ้น => ยังต้องติดตามแต่มองว่าผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นไม่มาก
3
4