ผลการประชุม FOMC และ กนง.: Enter the new phase, maintain policy space
การประชุม FOMC
- Dot Plot" แสดงให้เห็นว่า: ค่ามัธยฐานของเจ้าหน้าที่คาดว่าจะลดดอกเบี้ยลง 0.5% ในปี 2025 โดยจะมีการลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25%
- FOMC ให้น้ำหนักอัตราเงินเฟ้อมากขึ้น และอยู่ระดับเดียวกับการจ้างงาน โดยค่ามัธยฐานของเจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2.5% ภายในสิ้นปี 2025 เพิ่มขึ้นจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 2.1% ในเดือน ก.ย. นอกจากนั้น ประธาน Fed ยังระบุว่าสถานการณ์เศรษฐกิจได้เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านใหม่ (We are in a new phase in the process) โดยเน้นความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงินต่อจากนี้ โดยจะให้ความสำคัญกับการติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเป็นพิเศษ
- แถลงการณ์ระบุว่าในการพิจารณา "ขอบเขตและจังหวะเวลา" ของการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่จะประเมินจาก:(1) ข้อมูลที่จะได้รับ (2) แนวโน้มที่เปลี่ยนแปลง (3) ความสมดุลของความเสี่ยง (incoming data, evolving outlook and balance of risks)
- ตลาดหุ้นส่งสัญญาณ Risk-off อย่างรุนแรง
- เราปรับประมาณการดอกเบี้ยของ Fed จาก ลด 100 bps ในปี 2025 สู่ 3.4% เป็น ลดเพียง 50 bps สู่ 3.9% ในครึ่งแรกของปี ทำให้ในระยะต่อไป ผลกระทบต่อตลาดการเงินจะมีค่อนข้างมาก ทั้งจาก (1) ดอลลาร์ที่จะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (2) ผลตอบแทนพันธบัตรจะลดลงไม่ได้มาก (3) ในระยะต่อไป กระแสความขัดแย้งระหว่าง Fed และรัฐบาลทรัมป์จะมีมากขึ้น
การประชุม กนง.
- เรามองว่า การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เป็นการดำเนินนโยบายที่อาจไม่สอดรับกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน เนื่องจากภาวะการเงินตึงตัวมากเกินไป ทั้งจากสินเชื่อที่หดตัวในรอบ 14 ปี ดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูง ค่าเงินบาทที่แข็งค่า เงินเฟ้อที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย และการบริโภคสินค้าคงทนของภาคเอกชน และการลงทุนเอกชนที่หดตัว ทำให้การคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษา Policy Space อาจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากเศรษฐกิจต้องการการผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง
- เรามองว่า ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งจากความไม่แน่นอนของนโยบายประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ประกอบกับแรงส่งทางการคลังที่จะเริ่มแผ่วลงในระยะต่อไปเนื่องจากภาระทางการคลังที่สูงขึ้น ทำให้รัฐบาลมีข้อจำกัดในการใช้เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ
- เรามองว่า ในที่สุด ธปท. อาจจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ย แต่อาจสายเกินไปและส่งผลให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบมากขึ้น เพราะการลดดอกเบี้ยต้องใช้เวลาส่งผ่าน (Transmission Mechanism) ทำให้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2568 เหลือ 2.7% จาก 3.0% การบริโภคภาคเอกชนเหลือ 2.2% จาก 3.5% และการลงทุนภาคเอกชนเหลือ 0.5% จาก 3.2% สะท้อน Downside risk ของเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ