PDF Available  
Macro Making Sense

Macro Making Sense – 4 มิ.ย. 2568

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|4 Jun 25 8:48 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประเด็นเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2568 และ ตัวเลขกิจกรรมเศรษฐกิจจีน

 

  • INVX ปรับคาดการณ์ค่าเงินบาทเฉลี่ยทั้งปี 2025 เป็น 34.5 บาท/ดอลลาร์จากเดิมที่ 35.3 บาท/ดอลลาร์เพื่อสะท้อนกระแสเงินทุนไหลเข้าและความเป็นไปได้ที่รายได้จากการส่งออกไม่ได้แย่มากเท่าที่คาดการณ์ก่อนหน้า ทั้งนี้เรายังคงมองว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งหลังของปี ตั้งแต่ต้นปี 2025 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้วราว 4.1% โดยประมาณการเดิมของเราที่ 33.9 บาทต่อดอลลาร์ในไตรมาส 1 อยู่ใกล้เคียงกับค่าเงินจริง อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 ค่าเงินบาทแข็งกว่าที่คาดไว้มาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 33.4 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับประมาณการเดิมที่ 35.0 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนแรงหนุนจาก (1) กระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทยในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe haven) และแรงเก็งกำไรในเงินบาทท่ามกลางความเสี่ยงเชิงนโยบายว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจผลักดันให้ค่าเงินประเทศคู่ค้าหลักแข็งค่าตามแนวคิด “Mar-a-Lago Accord” (2) การเร่งส่งออกจากความกังวลต่อมาตรการภาษีศุลกากร (3) ราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นทำสถิติ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหนุนเหล่านี้เริ่มลดแรงส่ง โดยเฉพาะจากราคาทองคำที่เริ่มทรงตัว และเริ่มเห็นสัญญาณเงินทุนไหลออกบางส่วนจากตลาดพันธบัตร ภาพดังกล่าวสะท้อนจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยเดือนเมษายนปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน ผลจากการเร่งการผลิตและการส่งออกก่อนสงครามการค้าเป็นหลัก ขณะที่มีความเสี่ยงชะลอตัวลงแรงในระยะถัดไป
  • ด้านปัจจัยค่าเงินบาทในครึ่งปีหลัง เราคาดว่าจะกลับมาเผชิญแรงกดดันอ่อนค่า จาก (1) การชะลอตัวของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (2) แนวโน้มการส่งออกที่ชะลอลง (3) ภาคการท่องเที่ยวที่ยังฟื้นต่ำกว่าคาด (4) ตัวเลขเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะแย่ลง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากความแตกต่างด้านนโยบายการเงิน โดย Fed มีโอกาสคงดอกเบี้ยสูงนานกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่ ธปท. มีแนวโน้มจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (rate differential) ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ขยายกว้างขึ้น และกดดันทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า
  • เราคาดว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงประเทศอื่นๆจะยังคงยืดเยื้อและอาจจะหาข้อตกลงไม่ได้ทันวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งจะทำให้โครงสร้างภาษีส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในระดับ “universal tariff” ต่อเนื่องไปอีกระยะ ขณะที่ระหว่างทางของการเจรจา คาดว่าจะยังมี ความผันผวนสูง ตามลักษณะ tactical move ของฝั่งสหรัฐฯ ทั้งนี้ เส้นตาย (deadline) ของการขึ้นภาษีตอบโต้น่าจะถูก เลื่อนออกไป ส่งผลให้ระดับภาษีที่มีผลบังคับในช่วง ไตรมาส 2-3 ยังคงอยู่ในระดับ universal tariff
  • ในส่วนของ การส่งออกไทย คาดว่าจะเริ่ม ชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งหลังของปีแม้ภาษีจะอยู่ในระดับ universal tariff เนื่องจากผู้ส่งออกได้มีการ เร่งส่งออกล่วงหน้า ในช่วงที่ผ่านมาแล้ว อย่างไรก็ดี ระดับภาษีที่ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จะทำให้ โอกาสที่การส่งออกจะหดตัวลดลงเหลือเพียง -0.5%YoY จากเดิมที่ -3.0% YoY มีมากขึ้น
  • มุมมองของเราต่องบประมาณ 2568 ร่างงบประมาณปี 2569 มีวงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท หรือ 4.3% ของ GDP ซึ่งการขาดดุลดังกล่าวแม้จะลดลงจากปีก่อนแต่กลับเป็นการ "รัดเข็มขัด" ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้าและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้น การลดงบลงทุนภาครัฐลง 7.3% จากปีก่อนขัดต่อหลักเศรษฐศาสตร์มหภาค เพราะการลงทุนภาครัฐเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการแจกเงิน ทั้งนี้ เรามองว่า รัฐบาลใช้ประโยชน์จากต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำกว่าสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจน เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ประมาณ 4 ล้านล้านบาทใน 5 ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจได้ 1.0-1.5% และสร้างรากฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งสำหรับการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5