PDF Available  
Macro Making Sense

Macro Making Sense – 27 พ.ค. 2568

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|27 May 25 7:56 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประเด็นส่งออกไทย เม.ย. 2025 ขยายตัวที่ 10.2%YoY จากการเร่งส่งออกก่อน Tariffs

  • การส่งออกของไทยในเดือนเมษายน 2568 ขยายตัวที่ 10.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยมูลค่า 25,625.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 แม้จะชะลอตัวลงจากเดือนมีนาคมที่ขยายตัว 17.8% และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 12.2% ในขณะเดียวกัน การนำเข้าขยายตัว 16.1% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 7.3% ส่งผลให้ดุลการค้าของไทยในเดือนเมษายนขาดดุล 3,321.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากหักรายการที่ผันผวน เช่น น้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกยังคงขยายตัวได้ที่ 7.1%  โดยการเติบโตสะสมในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2568 เฉลี่ยอยู่ที่ 14.0%

  • แม้ภาพรวมการส่งออกยังคงเติบโตแข็งแกร่งในระดับเลขสองหลัก แต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าแรงหนุนชั่วคราวจากการเร่งส่งออกก่อนมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ (ที่ถูกเลื่อนออกไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม) อาจเริ่มผ่อนแรงลง ขณะเดียวกัน สินค้าไทยบางประเภทกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากปัญหาโครงสร้างอุปสงค์โลกและจากอัตราภาษีของไทยที่สูงกว่าประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ เราจึงยังคงคาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยทั้งปี 2568 อาจหดตัวลง 3.0%
  • การส่งออกในเดือนเมษายนมีปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ได้แก่ การเร่งส่งออกไปยังตลาดหลักที่ยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีสหรัฐฯ การขยายเวลาเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ออกไปอีก 90 วันได้กระตุ้นให้ผู้ส่งออกเร่งการจัดส่งสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นสินค้าหลักของไทยในตลาดสหรัฐฯ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่ขยายตัว 75.1% แผงวงจรไฟฟ้าที่ขยายตัว 39.0% และแผงสวิตช์และแผงควบคุมไฟฟ้าที่ขยายตัว 38.3% ซึ่งส่งผลให้การส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 23.8% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19 นอกจากนี้ สินค้าอุตสาหกรรมยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยขยายตัว 16.6% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13  นำโดยผลิตภัณฑ์ยาง (+15.9%) และอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) (+42.1%) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสินค้าสำคัญของไทยไปยังสหรัฐ

  • การนำเข้าของไทยในเดือนเมษายน 2568 มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 28,946.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 16.1% เร่งตัวขึ้นจากการขยายตัว 10.2% ในเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้การนำเข้าในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายนขยายตัว 9.6% การขยายตัวส่วนใหญ่มาจากการนำเข้าสินค้าทุน (+27.5%) และสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (+17.4%) ซึ่งสะท้อนถึงกิจกรรมการผลิตที่ยังมีแรงส่งในบางกลุ่มอุตสาหกรรม การนำเข้าที่เร่งตัวขึ้นนี้จึงเป็นการเร่งนำเข้าเพื่อผลิตและส่งออก ก่อนที่สงครามการค้าจะรุนแรงขึ้น และก่อนที่ประเทศไทยจะหันมาคุมเข้มในประเด็นแหล่งที่มาของการนำเข้า (Rule of origin) ในสินค้าส่งออกเพื่อป้องกันประเด็นสวมสิทธิ์ ซึ่งทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่าภาวะนี้เป็นภาวะชั่วคราวและจะชะลอลงเมื่อสงครามการค้ารุนแรงขึ้น หรือเมื่อไทยเริ่มคุมเข้มประเด็นการสวมสิทธิ์
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5