สวัสดีตอนเช้า - 24 ม.ค. 2568

กลับมาเป็นสัญญาณลบ

ประเด็นสำคัญ

• กระทรวงพาณิชย์เผยมูลค่าส่งออก ธ.ค. 2567 เพิ่มขึ้น 8.7%YoY บวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และทั้งปี 2567 เพิ่มขึ้น 4% สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1-2% ส่วนมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น 14.9%YoY แนะจับตานโยบายการค้าของทรัมป์ คาดส่งออกปี 2568 โตได้ 2-3%
• รมช.คลัง เผยกระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาโครงสร้างภาษีแบตเตอรี่ใหม่ภายใน ก.พ. นี้ โดยปรับจากการจัดเก็บอัตราเดียวเป็นการจัดเก็บแบบขั้นบันได หวังหนุนเศรษฐกิจสีเขียว ชูแบตเตอรี่ที่สะอาด-ชาร์จได้-ประสิทธิภาพสูง ราคาถูกลง
• ปธน. ทรัมป์กล่าวใน WEF ว่าต้องการทั่วโลกลดดอกเบี้ยนโยบายทันที, เรียกร้อง OPEC เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อลดราคาน้ำมันและเงินเฟ้อ และซาอุฯ ลงทุนในสหรัฐฯ อย่างน้อย 6 แสนล้านดอลลาร์ในระยะ 4 ปี
• กกพ. และ 3 การไฟฟ้าเปิดให้บริการอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบไม่เจาะจงแหล่งที่มา (UGT1) ที่ 4.21 บาท/หน่วย เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการ โดยมี UGT1 เตรียมรองรับราว 2 พันล้านหน่วย/ปี
• วิทยุการบินฯ เผยจะมีเที่ยวบินช่วงตรุษจีน (26 ม.ค. – 1 ก.พ. 2568) 19,305 เที่ยวบิน หรือเพิ่มขึ้น 14%YoY โดยมีเที่ยวบินระหว่างไทย-จีน 2,718 เที่ยวบินหรือเพิ่มขึ้น 48%YoY และประเทศอื่นๆ ที่มีจำนวนเที่ยวบินสูง เช่น สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฮ่องกง และไต้หวัน
• OpenAI และ SoftBank เตรียมลงทุนรวม 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ใน Stargate เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI โดยคาดถือหุ้นบริษัทละ 40%
• CSRC ของจีนสั่งเพิ่มการถือครองหุ้นเพื่อพยุงตลาดหุ้น กองทุนรวมจะต้องเพิ่มการถือครองหุ้นอีกอย่างน้อย 10% ในอีก 3 ปี และบริษัทประกันขนาดใหญ่ต้องลงทุนในสัดส่วน 30% ของเบี้ยประกันทั้งหมด

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด ทั้งนี้แม้มองปัจจัยภายนอกจากภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยมีท่าทีดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการ 4Q67 ของ บจ. ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่ง และท่าทีของว่าที่ปธน. สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังทำให้ตลาดคลายกังวลได้ในระดับนึง แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยภายในประเทศ (นอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ) ยังมีแนวโน้มเปราะบางจากการขาดความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ อีกทั้งกระแสเงินของนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET มีโอกาสฟื้นแต่ภาพรวมยังเปราะบางหลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคจะเริ่มมีผลบังคับใช้ เช่น นำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุในวันที่ 27 ม.ค. นี้ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG OSP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AOT) กลุ่มเนื้อสัตว์ (CPF BTG)
2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT
3. หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA AWC AU
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก PTTEP

Daily top picks

CBG: 4Q67 คาดมีกำไรปกติ 819 ลบ. เติบโต 26.2%YoY และ 0.6%QoQ สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส แรงหนุนจากส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 26% หนุนให้ปี 67 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 50.3%YoY และคาดจะเติบโตต่ออีก 13.3%YoY ในปี 68 แรงหนุนจากส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่เพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น 

 

BDMS: เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นกลุ่มการแพทย์ โดยปี 2568 คาดกำไรจะเติบโตต่อเนื่องที่ 8.3%YoY อีกทั้ง valuation ต่ำ โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER 2568F ระดับ 22.1 เท่า ซึ่งต่ำกว่าระดับ -2SD ของ PER เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี และถือเป็นระดับที่ลึกที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่ม อีกทั้งยังต่ำกว่าหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาค (ไม่รวมประเทศไทย) ราว 21%

 

Back to negative

The SET was back to a decline and fell below support of 1345, generating a negative signal. The index is likely to continue falling with supports at 1337 and 1330. Moreover, a slowdown in the appreciation of the baht is turning away foreign buys, which may turn to selling. Resistances are between 1350-1360. Key issue today is US PMI.

 

Today’s highlights

• The Ministry of Commerce reports December 2024 exports grew 8.7%YoY, the sixth month of growth. Full-year 2024 exports increased 5.4%, exceeding the 1-2% target. Imports rose 14.9%YoY. The MoC will monitor Trump's trade policies, but for now expects 2025 exports to grow 2-3%.
• The Deputy Minister of Finance says the Ministry of Finance will propose a new battery tax structure to the Cabinet in February, shifting from a single rate to a tiered system. The goal is to support a green economy by promoting clean, rechargeable, high-efficiency batteries at a lower price.
• President Trump at the WEF called for immediate policy rate cuts around the globe, and told OPEC to increase production to lower oil prices and inflation and asked Saudi Arabia to invest at least US$600bn in the US over four years.
• The ERC and the country’s three electricity authorities have introduced a non-specific green electricity service rate (UGT1) at Bt4.21/unit, providing another option for businesses. UGT1 is preparing to support around 2 billion units/year.
• AeroThai reports 19,305 flights during Chinese New Year (Jan 26 - Feb 1, 2025), a 14%YoY increase. Thailand-China flights are at 2,718, a 48%YoY increase. Other countries with high numbers of flights include Singapore, Malaysia, Hong Kong and Taiwan.
• OpenAI and SoftBank will jointly invest US$38bn in Stargate to build an AI data center, each expected to hold 40%.
• China's CSRC has ordered a rise in stock holdings to support the stock market. Mutual funds must increase stock holdings by at least 10% in 3 years. Large insurance companies must invest 30% of total insurance premiums.

Strategy today

In the short term, the SET is expected to move little, with significant resistance around 1400. External factors in terms of the economy and interest rate seem better, including strong 4Q24 earnings at US companies and Trump’s toning down on his trade policy, allowing the market to relax. However, domestic factors (apart from the government’s stimulus packages) are fragile from lack of confidence, causing market recovery to lag others in the region, while there is no significant sign of foreign fund flow returning to buy Thai equities. Investment strategy is "Selective Buy".

 

Trading today

The SET is expected to recover but overall is still fragile with no new catalyst. Investment strategy is "Selective Buy" across three themes with positive individual factors and one short-term trading idea:

• Stocks expected to benefit from shopping around Chinese New Year and from stimulus - Easy e-Receipt (Jan 16–Feb 28) and Bt10,000 handout on Jan 27 – Commerce (CRC, HMPRO, CPALL and TNP), Consumer goods (CBG and OSP), Tourism (MINT and AOT) and Food (CPF and BTG).
• For investors wishing to generate cash flow for their portfolios: stocks offering high dividend yield of over 3% on 2024 earnings, with strong balance sheets and continued growth in 2025 – AP, KTB, BBL and PTT.
• Earnings plays whose prices have not risen to reflect YoY and QoQ growth in 4Q24 profit and may pay regular dividends – ADVANC, TRUE, AMATA, AWC and AU.
• Trading idea for high-risk investors: speculate on stocks expected to benefit from higher oil price after the US announced a new round of sanctions on Russia, impacting world oil supply – PTTEP.

Daily top picks

CBG: 4Q24 core profit is expected to be Bt819mn, growing 26.2%YoY and 0.6%QoQ to a 14-quarter high, supported by a new high market share of 26%. 2024 net profit is expected to grow 50.3%, followed by 13.3% growth in 2025, underwritten by higher market share and greater efficiency.

BDMS: One of our healthcare top picks. 2025 profit is expected to grow 8.3%YoY, and valuation is low, trading at 2025F PER of 22.1x, below -2SD of 10-year historical trade, the lowest of peers and 21% below the region’s Healthcare sector.

 

Download PDF Click > Daily250124_E.pdf