Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 4 ก.ค. 2568

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 4 ก.ค. 2568

1. ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าหลังรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 110,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ตลาดลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนกรกฎาคมเหลือเพียง 0% และเดือนกันยายนลดลงเหลือ 75% จากเดิม 98% ด้าน S&P 500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดใหม่ นำโดยหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Nvidia ที่ปรับตัวขึ้น 1.3% ขณะที่ Bond yield พุ่งขึ้นหลังข้อมูลการจ้างงาน โดย 10-year yield เพิ่มขึ้น 5.3 bps สู่ระดับ 4.346%

2. สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ควบคุมโดยพรรครีพับลิกันผ่านร่างกฎหมายลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายขนาดใหญ่ของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีบุคคลและธุรกิจตามแพ็คเกจลดภาษีปี 2017 เป็นการถาวร โดยจะเพิ่มหนี้สาธารณะ $3.4 ล้านล้านในทศวรรษหน้า นักลงทุนมองว่าเป็นบวกต่อตลาดหุ้นเพราะสร้างความชัดเจนให้ธุรกิจและครัวเรือน ซึ่งจะสนับสนุน corporate earnings และราคาหุ้น อย่างไรก็ตาม bond yield ปรับตัวขึ้นจากความกังวลเรื่องการออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มและแรงกดดันเงินเฟ้อ โดยทรัมป์จะลงนามในวันศุกร์

3. ตัวเลขการจ้างงานเดือนมิถุนายนที่เพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่คาดการณ์ และอัตราการว่างงานที่ลดลงเหลือ 4.1% ส่งผลให้ Fed มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25%-4.50% Raphael Bostic ประธาน Fed แอตแลนตา ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูงยาวนานขึ้นจากนโยบายภาษีของทรัมป์ ทำให้ Fed ต้องรอความชัดเจนก่อนปรับลดดอกเบี้ย ตลาดการเงินปรับคาดการณ์เหลือเพียง 2 ครั้งสำหรับการลดดอกเบี้ยในปีนี้ โดยเริ่มในเดือนกันยายน แม้ว่าตลาดแรงงานจะแข็งแกร่ง แต่ยังมีสัญญาณการชะลอตัว เช่น การจ้างงานภาคการผลิตลดลง 7,000 ตำแหน่ง

4. สหรัฐฯ ได้ยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกไปจีนสำหรับบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ออกแบบชิปและผู้ผลิตอีเทน ซึ่งเป็นสัญญาณของการลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ บริษัท Synopsys, Cadence และ Siemens ซึ่งเป็นผู้พัฒนา EDA software รายใหญ่ของโลก ได้ประกาศฟื้นฟูการเข้าถึงซอฟต์แวร์สำหรับลูกค้าในจีน การยกเลิกมาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนและสหรัฐฯ ได้ยืนยันกรอบข้อตกลงที่จีนจะทบทวนการส่งออกสินค้าควบคุม ขณะที่สหรัฐฯ จะยกเลิกมาตรการจำกัดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการกลับสู่สถานะเดิมก่อนเกิดความตึงเครียดทางการค้า

5. Nvidia ปิดตลาดวันที่ 3 กรกฎาคม 2025 ที่มูลค่าตลาด 3.89 ล้านล้านดอลลาร์ หลังราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 2% ใกล้แซงสถิติเดิมของ Apple ที่ 3.915 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 รายได้ไตรมาสล่าสุด (พ.ค. 2025) เติบโต 69% และรายได้กลุ่ม Data Center โต 73% จากความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีการลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Microsoft, Amazon, Google และ Meta แม้ยังมีข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปไปจีน แต่ Nvidia ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง

6. UK Services PMI เดือนมิถุนายน 2025 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 เดือน แตะระดับ 52.8 สะท้อนการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อใหม่ในประเทศและการใช้จ่ายทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค ขณะที่เงินเฟ้อราคาขายบริการชะลอตัวมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี ส่งสัญญาณบวกต่อโอกาสที่ BoE จะลดดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ตาม การจ้างงานในภาคบริการยังคงหดตัวต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นผู้ประกอบการลดลงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก นักวิเคราะห์มองว่าภาคบริการเริ่มฟื้นตัว แต่ยังมีความเสี่ยงจากต้นทุนแรงงานและสถานการณ์การค้าโลก

7. ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 เหลือ 1.8% จาก 2.9% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าระดับโลกจะกระทบการส่งออกและชะลอการลงทุนในประเทศ ขณะที่การฟื้นตัวของท่องเที่ยวและการบริโภคยังอ่อนแอ ทั้งนี้ ประมาณการดังกล่าวยังไม่ได้รวมปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น ความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณและความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ซึ่งหากสถานการณ์ยืดเยื้ออาจกดดันเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติม

8. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่ามีผู้ลงทะเบียนโครงการ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" ใน 3 วันแรกจำนวน 1,283,641 ราย โดยมีผู้จองที่พักและชำระเงินสำเร็จแล้ว 18,119 สิทธิ์ ขณะที่ยังเหลือสิทธิ์อีกกว่า 481,000 สิทธิ์ แม้ระบบลงทะเบียนประสบปัญหา แต่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วันในการแก้ไข พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนต่อเนื่อง นักวิเคราะห์มองว่าหากระบบกลับมาเสถียรจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญต่อการท่องเที่ยวในประเทศ

ประเด็นที่ต้องติดตาม: Factory Order MoM ของเยอรมนี ในเดือน พ.ค. ตลาดคาด -0.2% ก่อนหน้าที่ 0.6%