เราคาดว่าราคาหุ้น GPSC ที่ปรับตัวลดลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมารับรู้ประเด็นลบไปมากแล้ว ปัจจุบันเป็นโอกาสในการสะสม เนื่องจากยังเห็นปัจจัยหนุนในอนาคต ได้แก่ 1) การเพิ่มกำลังการผลิต โดยเฉพาะ AVAADA (ผู้นำด้านพลังงานทดแทนในอินเดีย) 2) ผลบวกจากการได้รับการคัดเลือกจาก ERC ในโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก 3) ไม่มีผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล และ 4) ผลกระทบจำกัดจากความล่าช้าของโครงการ CFP เราคงคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ 3 เดือนที่ "Outperform" ด้วยราคาเป้าหมายกลางปี 2568 ที่ 60 บาท โดยอิงวิธี DCF (WACC: 5.3%, terminal growth 1.5%)
ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าที่เติบโตสูง GPSC ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเป็น 11,852 เมกะวัตต์ ภายในปี 2569 เพิ่มขึ้นจาก 6,855 เมกะวัตต์ในไตรมาส 3Q67 โดยสัดส่วนพลังงานทดแทนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 65% ในปี 2569 (จากปัจจุบัน 38%) การเติบโตดังกล่าวขับเคลื่อนหลักๆ โดยการขยายกำลังการผลิตพลังงานทดแทนในอินเดียผ่าน AVAADA ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 41.6% การลงทุนใน AVAADA คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการขยายกำลังการผลิตพลังงานทดแทนอย่างรวดเร็วในอินเดีย โดยคาดว่าการลงทุนของ GPSC จะสนับสนุนให้ AVAADA มีกำลังการผลิตประมาณ 10 กิกะวัตต์ (จากปัจจุบัน 6.6 กิกะวัตต์) ระหว่างปี 2568-2569 หลังจากนั้น AVAADA มีแผนระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้น IPO โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2569
อัปเดตโครงการใหม่ในอนาคต นอกเหนือจาก AVAADA แล้ว GPSC มีอีก 2 โครงการสำคัญในระหว่างดำเนินการ ได้แก่ 1) โครงการฟาร์มลมนอกชายฝั่ง CFXD (GPSC ถือหุ้น 25%) ได้รับใบอนุญาตที่จำเป็นครบถ้วนสำหรับกังหันลม 62 เครื่อง โดยกำหนดการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในสิ้น 4Q67 2) การเพิ่มกำลังการผลิตใหม่จากโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก GPSC และพันธมิตรได้รับ 192.88 เมกะวัตต์ ได้แก่ Helios 1 (48.6 เมกะวัตต์), Helios 2 (61.4 เมกะวัตต์), Helios 4 (8 เมกะวัตต์) และ IRPC-CP (74.88 เมกะวัตต์) เนื่องจาก GPSC ถือหุ้นประมาณ 50% จึงได้รับ 97.19 เมกะวัตต์ในรอบนี้ภายใต้ FiT เบื้องต้นเราคาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนรายได้ต่อปีให้กับ GPSC ที่ 100-150 ล้านบาท หลังจากการดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบระหว่างปี 2569-2573 และ 3) ปัจจุบัน GPSC อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลหลายราย ในระยะสั้นคาดว่าจะเพิ่มความต้องการใช้ไฟฟ้าสำหรับ GPSC ประมาณ 250-300 เมกะวัตต์ โดยแผนระยะยาวอยู่ระหว่างการประเมิน
downside จำกัดจากความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นของโครงการ CFP ของ TOP หน่วยผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนเหลือทิ้ง (ERU) มีงบประมาณการลงทุน 757 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังการผลิตไฟฟ้า 250 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 175 ตันต่อชั่วโมง สำหรับโครงการ CFP ของ Thai Oil GPSC รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า การเพิ่มขึ้นของต้นทุนการลงทุนของโครงการ CFP ของ TOP รวมถึง ERU ไม่มีผลกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนของ GPSC ภายใต้ข้อตกลงระหว่าง GPSC และ TOP ตั้งแต่ปี 2562 การโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ ERU จะเกิดขึ้นหลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จและได้รับใบรับรองการทดสอบเบื้องต้น (PAC) ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 1/2572 (เลื่อนจากกำหนดการเดิมคือสิ้นปี 2568) ณ วันนี้ ได้มีการเบิกจ่ายเงินลงทุนแล้ว 10% โดยส่วนที่เหลือจะชำระหลังจากการดำเนินการเชิงพาณิชย์
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ เราคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ GPSC เนื่องจากคาดว่าจะยัง Laggard เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดกเบี้ยที่คาดว่าจะลดลง การได้รับคัดเลือกชนะโครงการรับซื้อพลังงานทดแทนรอบแรก เฟส 2 และ PDP2024 รวมถึงไม่มีผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล (GMT) ราคาเป้าหมายที่ 60 บาท อิงวิธี DCF (WACC: 5.3%, terminal growth: 1.5%)
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: ต้นทุนเชื้อเพลิงสูงกว่าคาด การเลื่อนปรับค่า Ft ผลตอบแทนจากโครงการลงทุนใหม่ต่ำกว่าคาด และการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
Opportunity to accumulate
We see GPSC’s share price decline over the past three months as an opportunity to accumulate due to upcoming catalysts: 1) additional capacity, especially at AVAADA (leading renewable play in India), 2) the award from the ERC in the first round of the phase 2 renewable scheme, 3) no impact from the Global Minimum Tax (GMT) and
4) little impact from a delay in the ERC/CFP project. We maintain our three-month tactical call of Outperform with a mid-2025 target price of Bt60 based on DCF valuation (WACC: 5.3%, terminal growth: 1.5%).
Strong committed capacity portfolio. GPSC plans to raise its total committed equity capacity to 11,852MW by 2026, up from 6,855MW in 3Q24, with the share of renewable energy expected to rise to 65% in 2026 from 38% currently. Fueling the growth is the expansion of renewable energy capacity in India through AVAADA, in which GPSC holds 41.6%. AVAADA is expected to gain from India’s aggressive renewable energy expansion. GPSC's investment is projected to enable AVAADA to reach a capacity of ~10GW (from the current 6.6GW) by 2026. Following this, AVAADA plans to raise funds through an IPO, planned for some time in 1H26.
Update on upcoming projects. Apart from AVAADA, GPSC has 2-3 key projects in the pipeline. 1) The CFXD offshore wind farm (GPSC holds 25%) has obtained all necessary licenses for its 62 turbines, with commercial startup scheduled by end-4Q24. 2) New capacity from the first round of Phase 2 in renewable energy, in which GPSC and partner have been awarded 192.88MW: Helios 1 (48.6MW), Helios 2 (61.4MW), Helios 4 (8MW) and IRPC-CP (74.88MW). Since GPSC holds ~50%, it gets 97.19MW in this round under FiT. Initially we estimate annual earnings contribution to GPSC at Bt100-150mn after full commercial operation is achieved between 2026-30. 3) GPSC is currently in discussions with several data center providers. In the short term, this is expected to increase electricity demand for GPSC by 250-300MW, with long-term plans still being evaluated.
Limited downside risk from a delay in TOP’s CFP project. The Energy Recovery Unit (ERU) power generation unit (budgeted at US$757mn) will generate 250MW of electricity and 175 tons of steam per hour for TOP’s CFP project. GPSC reported to SET that the increase in TOP’s CPF investment cost, which includes the ERU, has no impact on GPSC’s investment return under the agreement made between GPSC and TOP in 2019. The transfer of ownership of the ERU project will occur upon the completion of construction and the granting of the Provisional Acceptance Certificate (PAC), tentatively around 1Q29 (postponed from end 2025). To date, 20% of the investment has been disbursed, with the remaining payment made upon commercial startup.
Action and recommendation. We maintain our Outperform rating on GPSC as we see it as laggard compared with peers, particularly as it will benefit from the expected step down in interest rates, plus Phase 2 of renewable energy bids and PDP2024, plus is unaffected by GMT implementation. Our TP is Bt60 based on DCF valuation (WACC: 5.3%, terminal growth: 1.5%).
Key risks: Higher than expected fuel cost, delays in Ft adjustment, lower return on new investments and regulatory changes regarding GHG emissions. Key ESG risk is the environmental impact from its exposure to fossil fuels.
Downlaod PDF Click > GPSC241225_E.pdf