Keyword
Company History

Microsoft (MSFT) วันนี้ไม่ใช่แค่ Windows แต่มุ่งธุรกิจสู่อนาคตด้วย AI และ Cloud ที่ทั่วโลกต้องใช้

11 Jun 25 3:53 PM
Microsoft (MSFT.NB)
สรุปสาระสำคัญ

Microsoft Corporation (MSFT) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ กำลังสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ด้วยการผสานพลังของ AI และ Cloud Computing เข้าด้วยกัน จากบริษัทที่เคยขายแค่ซอฟต์แวร์ Windows วันนี้กลายเป็นผู้นำด้านคลาวด์ระดับโลกที่แข่งขันกับ Amazon อย่างสูสี พร้อมกับการนำ AI มาใช้ในทุกผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ Microsoft 365 ไปจนถึง Azure ทำให้ธุรกิจทั่วโลกสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการลงทุนมหาศาลใน OpenAI และการพัฒนา Copilot ที่กำลังเปลี่ยนวิธีการทำงานของผู้คนทั่วโลก Microsoft จึงกลายเป็นหุ้นที่นักลงทุนจับตามองในยุคที่ AI กำลังปฏิวัติทุกอุตสาหกรรม

จากซอฟต์แวร์ DOS สู่ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก


Microsoft ก่อตั้งขึ้นในปี 1975 โดย Bill Gates และ Paul Allen ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะนำคอมพิวเตอร์ไปสู่ทุกโต๊ะทำงานและทุกบ้าน ช่วงแรกบริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ MS-DOS ที่กลายเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในยุคนั้น


จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ Microsoft เปิดตัว Windows ในปี 1985 ซึ่งนำอินเทอร์เฟซแบบกราฟิกมาใช้แทนการพิมพ์คำสั่ง ทำให้คอมพิวเตอร์ใช้งานง่ายขึ้นสำหรับคนทั่วไป ความสำเร็จของ Windows ทำให้ Microsoft ครองตลาดระบบปฏิบัติการมานานหลายทศวรรษ พร้อมกับการเปิดตัว Microsoft Office ที่กลายเป็นซอฟต์แวร์สำนักงานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก


การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อ Satya Nadella ขึ้นมาเป็น CEO ในปี 2014 เขาปรับกลยุทธ์บริษัทจากการเน้นขาย Windows และ Office แบบเดิม มาเป็นการมุ่งสู่ Cloud Computing และ AI อย่างเต็มตัว การตัดสินใจนี้ทำให้ Microsoft กลับมาเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอีกครั้ง โดยเฉพาะการลงทุนใน Azure ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดและการร่วมมือกับ OpenAI ที่นำ AI มาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่าง Copilot ที่กำลังเปลี่ยนวิธีการทำงานของผู้คนทั่วโลก

 

 

โครงสร้างรายได้ที่หลากหลายและแข็งแกร่ง


Microsoft มีโครงสร้างรายได้ที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่


Productivity and Business Processes ประมาณ 43% ของรายได้รวม ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ Microsoft 365 ทั้งสำหรับองค์กรและผู้บริโภคทั่วไป รวมถึง Office 365, Teams, และ Outlook นอกจากนี้ยังมี LinkedIn ที่เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กสำหรับมืออาชีพ และ Dynamics 365 ที่เป็นซอฟต์แวร์บริหารจัดการองค์กร กลุ่มนี้เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการที่องค์กรต่างๆ หันมาใช้เครื่องมือดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะ Teams ที่กลายเป็นแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันที่สำคัญหลังวิกฤตโควิด


Intelligent Cloud ประมาณ 38% ของรายได้รวม ซึ่งมี Azure เป็นแกนหลัก Azure คือแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน แพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ SQL Server และบริการคลาวด์อื่นๆ Azure เติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักของบริษัท โดยเฉพาะบริการ AI ที่ทำงานร่วมกับ OpenAI


More Personal Computing ประมาณ 19% ของรายได้รวม ประกอบด้วย Windows OEM ที่ขายให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ Surface ธุรกิจเกม Xbox และเกมต่างๆ รวมถึงบริการ Xbox Game Pass ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และรายได้จากการโฆษณาผ่าน Bing และบริการค้นหา แม้จะมีสัดส่วนน้อยที่สุดแต่ก็ยังเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มหาศาล

 

microsoft-msft-ai-cloud.png

 

 

กลยุทธ์การเติบโตที่มุ่งเน้น AI และ Cloud


Microsoft วางกลยุทธ์การเติบโตที่ชัดเจนด้วยการมุ่งเน้นที่ AI และ Cloud Computing เป็นหลัก บริษัทลงทุนอย่างมหาศาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Azure เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ทั่วโลก การร่วมมือกับ OpenAI ทำให้ Microsoft สามารถนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่าง Copilot ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในทุกแอปพลิเคชัน


อีกหนึ่งจุดแข็งคือการสร้างระบบนิเวศที่ครบวงจร ตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์สำนักงาน คลาวด์ และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ทำให้ลูกค้าสามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ร่วมกันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นการพัฒนาบริการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้แตกต่างจากคู่แข่ง


การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ Microsoft สามารถนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น Copilot+ PCs ที่มี NPU สำหรับประมวลผล AI บนอุปกรณ์ หรือการพัฒนา Quantum Computing ที่จะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต

 


เปรียบเทียบกับคู่แข่ง


เทียบกับ Amazon (AMZN): ในตลาดคลาวด์ Amazon Web Services (AWS) และ Microsoft Azure เป็นคู่แข่งหลักที่ชิงความเป็นหนึ่ง AWS มีส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่กว่าและเริ่มต้นก่อน แต่ Azure เติบโตเร็วกว่าโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าองค์กร ข้อแตกต่างสำคัญคือ Microsoft มีความได้เปรียบจากการมีผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์สำนักงานอย่าง Microsoft 365 ที่ทำงานร่วมกับ Azure ได้อย่างลงตัว ในขณะที่ AWS เน้นให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก นอกจากนี้ Microsoft ยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับองค์กรขนาดใหญ่มายาวนาน ทำให้สามารถนำเสนอโซลูชันแบบครบวงจรได้ดีกว่า

 

 

เมื่อเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย


เทียบกับ Internet Thailand (INET): ในตลาดไทย INET เป็นผู้นำด้านบริการ Data Center และ Cloud Services ที่ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแก่องค์กรต่างๆ แม้ว่าทั้งสองบริษัทจะอยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างที่ชัดเจนในแง่ของขอบเขตธุรกิจ INET มุ่งเน้นการเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น Co-location, Cloud Hosting และ Disaster Recovery Site สำหรับลูกค้าในประเทศไทยเป็นหลัก ในขณะที่ Microsoft เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มคลาวด์ระดับโลก อย่างไรก็ตาม INET มักใช้เทคโนโลยีของ Microsoft อย่าง Windows Server และ Azure Stack ในการให้บริการ Hybrid Cloud แก่ลูกค้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบ Partner มากกว่าคู่แข่ง โดย INET ทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ช่วยให้องค์กรไทยเข้าถึงเทคโนโลยีของ Microsoft ได้ง่ายขึ้นผ่านการให้บริการและการสนับสนุนในประเทศ

 

 

ความท้าทายและการแข่งขันที่รุนแรง


Microsoft ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในทุกกลุ่มธุรกิจ ในตลาดคลาวด์ต้องแข่งกับ AWS และ Google Cloud ที่ต่างก็ลงทุนมหาศาลเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด การแข่งขันด้านราคาทำให้อัตรากำไรถูกกดดัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI มากเกินไป ซึ่งอาจเจอปัญหาด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว หรือข้อกำหนดทางกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น


ความท้าทายอีกประการคือการรักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม เมื่อคู่แข่งต่างก็พัฒนาเทคโนโลยีของตนเองอย่างรวดเร็ว Microsoft ต้องลงทุนในการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ตกขบวน รวมถึงความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูล

 

 

อนาคตและโอกาสการเติบโต


Microsoft มีโอกาสเติบโตอย่างมากจากเทรนด์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่เร่งตัวขึ้นทั่วโลก องค์กรต่างๆ ต้องการใช้เทคโนโลยี AI และคลาวด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ซึ่ง Microsoft อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะตอบสนองความต้องการนี้ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจร


การพัฒนา AI แบบ Generative AI ที่ Microsoft ลงทุนผ่าน OpenAI จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตสำคัญในอนาคต เมื่อ AI ถูกนำมาใช้ในทุกผลิตภัณฑ์และบริการ จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าและเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ นอกจากนี้การขยายตัวของ Gaming และ Metaverse ผ่าน Xbox และการซื้อกิจการ Activision Blizzard ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งการเติบโตที่น่าจับตามอง

 

------
สนใจลงทุนในหุ้น Microsoft (Ticker : MSFT, DR: MSFT01/MSFT06/MSFT80) และหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ จากทั่วโลกได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ที่ให้คุณเข้าถึงการลงทุนระดับโลกได้แบบไร้ขีดจำกัด สนใจเปิดบัญชีลงทุน คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

Stocks Mentioned
MSFT.NB
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5