ฤดูกาลยื่นภาษีมาถึงอีกครั้ง ! และถึงแม้ว่าการคิดคำนวณภาษีอาจดูเป็นเรื่องซับซ้อนที่หลายคนต้องคอยมาศึกษาวิธีคำนวณใหม่ในทุกรอบการยื่น แต่หากทำความเข้าใจถึงหลักการและวิธีคิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยให้ทุกคนเห็นภาพการเสียภาษีได้อย่างชัดเจน ทั้งยังสามารถนำไปเพิ่มโอกาสวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาระภาษีที่ต้องจ่ายในปีถัดไปได้
ในปัจจุบันมีทางเลือกในการคํานวณภาษีที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งผู้เสียภาษีสามารถกรอกข้อมูลโดยตรงเพื่อวางแผนภาษีได้ทันทีผ่านทางเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน เช่น https://www.itax.in.th/ แต่ถึงแม้จะมาพร้อมกับความสะดวก ผู้ยื่นภาษีก็จำเป็นต้องเตรียมตัวและทำความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับข้อมูลรายได้และภาษีของตนเอง เพื่อให้สามารถกรอกข้อมูลได้อย่างละเอียดโดยไม่เกิดความสับสน ดังนี้
ภาษีขั้นบันได เป็นระบบการเก็บภาษีแบบก้าวหน้า โดยอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นตามระดับของรายได้ ยิ่งมีรายได้สูง อัตราภาษีที่ต้องเสียก็จะสูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีดังนี้
ช่วงรายได้สุทธิ (บาท) |
อัตราภาษี (%) |
ภาษีสูงสุดของขั้น |
ภาษีสะสมสูงสุดของขั้น |
0 - 150,000 |
ยกเว้นภาษี |
0 |
0 |
150,001 - 300,000 |
5 |
7,500 |
7,500 |
300,001 - 500,000 |
10 |
20,000 |
27,500 |
500,001 - 750,000 |
15 |
37,500 |
65,000 |
750,001 - 1,000,000 |
20 |
50,000 |
115,000 |
1,000,001 - 2,000,000 |
25 |
25,000 |
365,000 |
2,000,001 - 5,000,000 |
30 |
900,000 |
1,265,000 |
5,000,001 ขึ้นไป |
35 |
- |
- |
การคำนวณภาษีเริ่มต้นจากการรวมรายได้ทั้งหมดที่ต้องนำมาคิดภาษี โดยมีรายละเอียดดังนี้
ค่าลดหย่อนช่วยลดฐานภาษีที่ต้องเสีย ซึ่งแม้ปัจจุบันเว็บไซต์คำนวณภาษีจะมีข้อมูลลดหย่อนพื้นฐานอยู่แล้ว แต่การศึกษาว่าได้ลดหย่อนอะไรบ้างก็เป็นสิ่งที่ต้องรู้ เพื่อให้สามารถวางแผนได้อย่างดีที่สุด
การวางแผนลดหย่อนภาษีตั้งแต่เริ่มจะช่วยลดภาษีที่ต้องจ่าย ทั้งยังสร้างโอกาสในการได้รับเงินคืนภาษี ซึ่งนอกจากค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนที่กำหนดตามกฎหมายแล้ว การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี เช่น RMF, Thai ESG ล้วนเป็นตัวเลือกสำคัญที่ช่วยประหยัดภาษีได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนการลงทุนอย่างยั่งยืน เพื่อโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยสามารถเริ่มต้นวางแผนการลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) หรือการทยอยลงทุนเป็นระยะได้ตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้สามารถกระจายความเสี่ยงและลดภาระการลงทุนก้อนใหญ่ในช่วงปลายปี โดยการซื้อกองทุนในจำนวนเงินเท่ากันทุกเดือน หรือทุกไตรมาส ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้ดีกว่าการลงทุนทั้งหมดในทีเดียว ช่วยให้การลดหย่อนภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดจากการพยายามซื้อกองทุนในช่วงปลายปีที่ราคาผันผวนมากขึ้นอีกด้วย
ข้อควรรู้ก่อนซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี
กองทุนลดหย่อนภาษีเป็นการลงทุนระยะยาว หากขายก่อนครบกำหนด อาจต้องเสียภาษีคืนพร้อมค่าปรับ ดังนั้น เราจึงต้องวางแผนการเงินให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่ใช่เรื่องยาก หากมีความเข้าใจในกระบวนการและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง การเริ่มวางแผน DCA ตั้งแต่ต้นปี จะช่วยกระจายการลงทุน ลดความเสี่ยง ทั้งยังช่วยลดภาระการลงทุนก้อนใหญ่ในช่วงปลายปี ทำให้มีเงินเหลือเก็บไปใช้จ่ายอย่างอื่นและเก็บออมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มศึกษาและวางแผนตั้งแต่วันนี้ กับ InnovestX ที่พร้อมดูแลให้เรื่องกองทุนลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องง่าย โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่จัดสูตรการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี ด้วยวัตถุดิบชั้นดีจากกองทุนลดหย่อนภาษีมากถึง 19 บลจ. เพิ่มโอกาสเติบโตในระยะยาว พร้อมโปรโมชันพิเศษหลากหลายที่ InnovestX และ บลจ. มอบให้
คำเตือน
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ข้อมูลอ้างอิง: