บทความจาก World Economic Forum ในเดือนมกราคม 2025 กล่าวถึงการสนับสนุนคริปโทเคอร์เรนซีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล $TRUMP ก่อนเข้ารับตำแหน่ง การกระทำนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่การกำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจนและการยอมรับคริปโทเคอร์เรนซีในวงกว้างมากขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2025
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าจะให้หน่วยงานรัฐบาลทุกแห่งร่วมมือกันกำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจนสำหรับคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อสนับสนุนนวัตกรรม สิ่งนี้สร้างความหวังให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase กล่าวว่า "ผลกระทบจากทรัมป์ไม่อาจปฏิเสธได้" การที่ผู้นำประเทศที่มี GDP สูงสุดออกมาสนับสนุนคริปโทเคอร์เรนซีอย่างชัดเจน และต้องการให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมนี้ ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2025
Anthony Scaramucci ผู้ก่อตั้ง SkyBridge Capital และอดีตผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทำเนียบขาว กล่าวเสริมว่า พรรครีพับลิกันมีแผนที่จะออกกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2026 เพื่อใช้เป็นประเด็นในการหาเสียง อย่างไรก็ตาม Lesetja Kganyago ผู้ว่าการธนาคารกลางแอฟริกาใต้ เตือนว่ากฎระเบียบที่มีประสิทธิภาพต้องชัดเจนและเข้าใจง่าย
Jennifer Johnson ซีอีโอของ Franklin Templeton ชี้ให้เห็นว่ากฎระเบียบด้านหลักทรัพย์ในสหรัฐฯ ถูกสร้างขึ้นหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 1929 เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้น กฎระเบียบคริปโทเคอร์เรนซี ควรคำนึงถึงการปกป้องผู้บริโภคเป็นหลัก
พรรครีพับลิกันกับแผนกำกับดูแลคริปโทเคอร์เรนซี
Anthony Scaramucci ผู้ก่อตั้ง SkyBridge Capital และอดีตผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ทรัมป์ได้แสดงความชัดเจนเกี่ยวกับจุดยืนของเขาต่อคริปโทเคอร์เรนซี ตั้งแต่ปี 2024 ในงานประชุม Bitcoin Conference
นโยบายของทรัมป์อาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ในสหรัฐฯ มีเสถียรภาพมากขึ้น หลังจากที่เคยเผชิญกับปัญหากฎระเบียบที่คลุมเครือมานาน การประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนจากผู้นำระดับประเทศทำให้ทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการสามารถวางแผนระยะยาวได้ดีขึ้น
แม้จะยังต้องติดตามรายละเอียดของกฎหมายที่กำลังจะออกมา แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือการเข้ามาของโดนัล ทรัมป์กำลังเป็นแรงผลักดันที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ทั่วโลก
อุปสรรคและโอกาสของกฎระเบียบคริปโทเคอร์เรนซี: เส้นทางสู่ความชัดเจนและนวัตกรรม
การกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหัวข้อสำคัญที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าระบบการเงิน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือการสร้างกฎระเบียบที่ชัดเจนและเหมาะสมกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ความท้าทายในการกำกับดูแลคริปโทเคอร์เรนซี
Lesetja Kganyago ผู้ว่าการธนาคารกลางแอฟริกาใต้ กล่าวว่าคุณสมบัติสำคัญของกฎระเบียบที่มีประสิทธิภาพคือความชัดเจน เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงรวดเร็วทำให้การออกกฎระเบียบกลายเป็นเรื่องท้าทาย
Jennifer Johnson ซีอีโอของ Franklin Templeton ชี้ให้เห็นว่ากฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ถูกสร้างขึ้นหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 1929 โดยมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องผู้บริโภค กฎระเบียบคริปโทเคอร์เรนซี ก็ควรมีแนวทางเดียวกัน คือต้องคำนึงถึงการคุ้มครองผู้ใช้และพัฒนาไปพร้อมกับเทคโนโลยี
"เทคโนโลยีกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หน่วยงานกำกับดูแลต้องพัฒนาให้ทัน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นอุปสรรค" Johnson กล่าว
ศักยภาพของบล็อกเชนที่ถูกมองข้าม
Denelle Dixon ซีอีโอของ Stellar Development Foundation ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันคริปโทเคอร์เรนซี มักถูกเข้าใจผิดและได้รับความสนใจในแง่ลบมากกว่าด้านประโยชน์ที่แท้จริง
"เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ได้อย่างรวดเร็วแบบ peer-to-peer ข้ามพรมแดนโดยไม่มีข้อจำกัด" Dixon กล่าว พร้อมยกตัวอย่างการนำบล็อกเชนมาใช้โดย UNHCR (สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ) ซึ่งสามารถส่งความช่วยเหลือไปยังยูเครนได้ในเวลาไม่ถึงสามนาที
Dixon ชี้ให้เห็นว่าการมุ่งเน้นแต่ปัญหาของคริปโทเคอร์เรนซี ทำให้โลกมองข้ามศักยภาพที่แท้จริงของเทคโนโลยีนี้ แต่ด้วยแนวโน้มที่สหรัฐฯ อาจมีการออกกฎระเบียบที่เอื้อต่อคริปโทเคอร์เรนซี มากขึ้น โอกาสในการแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของบล็อกเชนและความร่วมมือกับภาคการเงินดั้งเดิมจะเพิ่มมากขึ้น
ถึงแม้ว่าการกำกับดูแลคริปโทเคอร์เรนซี ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ก็เป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างกฎเกณฑ์ที่เหมาะสม และเปิดทางให้นวัตกรรมก้าวหน้าต่อไป หากรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลสามารถสร้างกฎระเบียบที่สมดุลระหว่างความปลอดภัยและความยืดหยุ่นในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่ระบบการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับทุกคนทั่วโลก
คริปโทเคอร์เรนซี และอนาคตของระบบการเงิน: ความจริงที่ตรวจสอบได้ อัตโนมัติ และเข้าถึงได้ทั่วโลก
เทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซีไม่เพียงแต่เป็นการปฏิวัติด้านการเงิน แต่ยังเปลี่ยนแปลงแนวคิดเรื่องธุรกรรมทางการเงิน โดย Jennifer Johnson ซีอีโอของ Franklin Templeton อธิบายว่า เทคโนโลยีนี้ให้ “แหล่งข้อมูลความจริง” (Source of Truth) ที่สามารถตรวจสอบได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง เช่น ธนาคาร
นอกจากนี้ บล็อกเชนยังสามารถ “รันสมาร์ทคอนแทรกต์” (Smart Contracts) ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการตรวจสอบเอกสาร หรือกระบวนการที่ต้องใช้บุคคลที่สามมาอนุมัติ ทำให้เกิดการชำระธุรกรรมแบบทันทีที่เรียกว่า “Atomic Settlements” ซึ่งอาจทดแทนบทบาทของธนาคารที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในปัจจุบัน
Dixon ซีอีโอของ Stellar Development Foundation เสริมว่า เทคโนโลยีนี้อาจทำให้การจ่ายดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากเกิดขึ้นได้แม้ในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่นาที
คริปโทเคอร์เรนซี จะเข้าถึงคนกว่าครึ่งโลกภายใน 10-15 ปี?
Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase มองว่าการเติบโตของคริปโทเคอร์เรนซี คล้ายกับช่วงแรกของอินเทอร์เน็ต และคาดการณ์ว่า "ภายใน 10-15 ปี ประชากรครึ่งหนึ่งของโลกจะใช้คริปโทเคอร์เรนซี"
อย่างไรก็ตาม การทำให้คริปโทเคอร์เรนซี เป็นที่ยอมรับในวงกว้างต้องอาศัยกฎระเบียบที่ชัดเจน Scaramucci กล่าวว่า "หากสหรัฐฯ มีความชัดเจนด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับ Stablecoins และได้รับการยอมรับจากธนาคารกลาง เทรนด์นี้จะขยายไปยังธนาคารอื่น ๆ ทั่วโลก"
ทำให้คริปโทเคอร์เรนซี ใช้ง่ายเหมือนเปิดไฟ
ความท้าทายสำคัญของการนำคริปโทเคอร์เรนซี ไปใช้ในวงกว้างคือ “การใช้งานที่ง่ายขึ้น” Armstrong อธิบายว่า "คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าไฟฟ้าทำงานอย่างไร แต่พวกเขาสามารถเปิดสวิตช์ไฟได้ เราต้องทำให้คริปโทเคอร์เรนซี ง่ายขนาดนั้น"
ปัจจุบัน คริปโทเคอร์เรนซี ยังมีข้อจำกัดด้านการใช้งาน เช่น ที่อยู่กระเป๋าเงินที่เป็นตัวอักษรและตัวเลขแบบสุ่มที่อ่านยาก อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีอย่าง Ethereum Name Service (ENS) กำลังช่วยทำให้ที่อยู่เป็นชื่อที่มนุษย์เข้าใจได้ง่ายขึ้น
Dixon เน้นย้ำว่า นอกจาก UX (User Experience) แล้ว “ความเป็นส่วนตัว” ก็เป็นสิ่งสำคัญ เธอกล่าวว่า "เราต้องออกแบบ UX ให้ใช้งานง่าย และในขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว เพื่อให้เกิดการใช้งานได้ในวงกว้าง"
การสร้างโครงสร้างพื้นฐานของคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อรองรับการใช้งานจริง
อีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นอุปสรรคของการใช้งานคริปโทเคอร์เรนซี คือการขาดกระเป๋าเงินดิจิทัลที่รวมอยู่ในแพลตฟอร์มธนาคาร Johnson กล่าวว่าการไม่มีกระเป๋าเงินเป็นหนึ่งในปัญหาหลักของระบบปัจจุบัน เนื่องจากยังไม่มีการบูรณาการเข้ากับระบบธนาคารทั่วโลก
Dixon กล่าวเสริมว่ากฎระเบียบที่ชัดเจนเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีคริปโทเคอร์เรนซี เธอเล่าว่า มีบริษัทขนาดเล็กในซานฟรานซิสโกและโคลอมเบียที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซี ในการจ่ายเงินให้แรงงานอิสระในท้องถิ่น พวกเขาได้รับเงินในสกุลเงินท้องถิ่นและใช้จ่ายภายในชุมชน ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า “On-Chain Effect” ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชน
อนาคตของคริปโทเคอร์เรนซี กับการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
Armstrong มองว่าศักยภาพของคริปโทเคอร์เรนซี ยังมีอีกมากที่ยังไม่ถูกนำมาใช้ เขากล่าวว่า "หากเราสามารถเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินให้ทุกคนบนโลกเข้าถึงได้ผ่านสมาร์ทโฟน นี่จะช่วยให้คนนับพันล้านหลุดพ้นจากความยากจน และเพิ่มเสรีภาพทางเศรษฐกิจของโลก" ด้วยความสามารถในการทำธุรกรรมที่รวดเร็ว ต้นทุนต่ำ และไร้พรมแดน เทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซี กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญยังคงอยู่ที่กฎระเบียบและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม เพื่อทำให้คริปโทเคอร์เรนซี กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- World Economic Forum. (2025, January). Cryptocurrency regulations: The era of digital finance experts. Retrieved from: www.weforum.org
- World Economic Forum. (2024, May). Global cryptocurrency regulations are changing. Retrieved from: www.weforum.org
- World Economic Forum. (2023). Pathways to the Regulation of Crypto-Assets: A Global Approach. Retrieved from: www3.weforum.org
- Statista. (2023, September 20). Where Grassroots Crypto Adoption Is Highest. Retrieved from: www.statista.com
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อีเมล contact@innovestx.co.th หรือ เฟซบุ๊ก InnovestX
คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน
