ตลาดหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% นำโดยตลาดสหรัฐฯ หลังข้อมูลจ้างงานที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดและดัชนีว่างงานลดลง รวมไปถึงการเจรจาภาษีกับเวียดนามที่สำเร็จ โดยทั้ง S&P 500 และ Nasdaq ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียมีผลตอบแทนผสม จากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าและแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นหลังเข้าใกล้เส้นตายที่ ปธน. ทรัมป์กำหนดไว้ในวันที่ 9 กรกฎาคม
บทสรุป
สัปดาห์ที่ผ่านมากระแสเงิน กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน เริ่มมีแรงขายความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยลดลงจากเศรษฐกิจไม่ได้แย่อย่างที่ตลาดคาด ด้านตลาดทุนโลกมีแรงซื้อจากภาพรวมการเจรจาการค้าผ่อนคลาย ด้านตลาด EM มีแรงขายจากความกังวลเส้นตายภาษีการค้า และตลาดญี่ปุ่นเผชิญแรงขายจากการเจรจาภาษีมีแนวโน้มไม่ดีมากนัก
ปัจจัยที่เราแนะติดตามในสัปดาห์นี้ 1) ตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการของจีน 2) รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ 3) สัญญาณการลดดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่ Fed 4) ข้อมูล ISM และคำสั่งซื้อโรงงานรวมไปถึงอัตราจ้างงาน
ภาพรวม – ปัจจัยมหภาคยังคงมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยเฉพาะตัวของหุ้นหลังภาพรวมความไม่แน่นอนยังคงสูง เช่น นโยบายของทรัมป์ อย่างไรก็ดีการเจรจา Tariff ระหว่างสหรัฐฯและหลายประเทศ เช่น ยุโรป เวียดนาม มีข้อตกลงที่ชัดเจน รวมถึงการผ่อนคลายระเบียบบางอย่างกับจีน ทำให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดมีความผ่อนคลายประเด็น Tariff และปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
กลยุทธ์ – สัปดาห์นี้ (7 - 11 ก.ค.) เราแนะติดตาม 1) เส้นตายภาษีทรัมป์ (9 ก.ค.) ที่เราคาดว่าอัตราภาษีระหว่างการเจรจาจะทำให้ภาพรวมตัวเลขลดลงกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ดีความเสี่ยงการเลื่อนและการเจรจาไม่สำเร็จยังคงมี 2) รายงานการประชุม Fed ที่เราแนะติดตามสัญญาณการลดดอกเบี้ย 3) การประชุม BRICS Summit 4) ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ยังคงมีทิศทางผสม ด้วยภาพรวมนี้ ทำให้เรามองว่าตลาดยังคงตอบสนองต่อประเด็นการเจรจาทางภาษีซึ่งเราคาดว่าตลาดรับรู้ประเด็นนี้ไปพอสมควรและจะมองการเจรจาระหว่างประเทศสำเร็จเป็นประเด็นที่มีทิศทางบวก ทำให้เราเชื่อว่าถึงแม้ตลาดจะผันผวน แต่มีโอกาสในการเก็งกำไรในกลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตดีได้อยู่
หุ้นแนะนำ – แนะลงทุนผ่าน DR โดย 1) AMZN80 เก็งกำไรบน Event Play อย่าง “Amazon Prime Day” ในสัปดาห์นี้ 2) KO80 แนะมีติด Portfolio เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวน 3) BABA23 ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามองเป็นจุดซื้อเก็งกำไรและ Valuation ต่ำ 4) TENCENT80 คาดงบ 2Q25 จะยังได้ประโยชน์หลักจากการนำ AI มาช่วยยกระดับใน ecosystem และหุ้นสหรัฐฯ 5) TSMC คาดว่างบ 2Q25 จะยังคงเติบโตดี จากความต้องการด้าน AI ในระดับสูง
