1. นักลงทุนซื้อขายระมัดระวังก่อน “วันประกาศภาษี” ของทรัมป์
2. ทรัมป์เตรียมประกาศมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั่วโลก มีผลทันที
3. กิจกรรมภาคการผลิตสหรัฐฯ หดตัวครั้งแรกของปี จากแรงกดดันภาษี
4. กำไรบริษัทยักษ์ใหญ่จีนพุ่ง หนุนหุ้นจีนรับมือแรงกดดันภาษีสหรัฐฯ
5. EU เตรียมมาตรการตอบโต้ หากทรัมป์เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้าจากยุโรป
5 ประเด็นสำคัญที่คุณต้องรู้ สำหรับวันนี้ (2 เมษายน 2025)
1. ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัว ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ก่อนประกาศมาตรการเก็บภาษีใหม่แบบตอบโต้ ซึ่งจะมีผลทันทีหลังประกาศในวันที่ 2 เม.ย. เวลา 4 โมงเย็นตามเวลานิวยอร์ก ความไม่แน่นอนดังกล่าวส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ และทำให้ธนาคารกลางต้องพิจารณาความเสี่ยงเงินเฟ้อจากต้นทุนการนำเข้า นักวิเคราะห์เตือนว่า "Liberation Day" อาจเป็นจุดเริ่มของความไม่แน่นอนระยะยาวในตลาดการค้าโลก
2. ทำเนียบขาวเผยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศมาตรการเก็บภาษีนำเข้าแบบกว้างครอบคลุมหลายประเทศในวันที่ 2 เมษายน และจะมีผลบังคับใช้ทันทีหลังประกาศ โดยมาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน “ภาษีตอบโต้” เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐฯ แม้ยังไม่เปิดเผยอัตราภาษีที่ชัดเจน แต่ทรัมป์ระบุว่าอาจต่ำกว่าที่หลายประเทศเรียกเก็บจากสหรัฐฯ ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่า มาตรการดังกล่าวจะซ้ำเติมเงินเฟ้อและฉุดตลาดหุ้น แต่ทำเนียบขาวมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะรับมือได้
3. ดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับ 49 ในเดือนมีนาคม บ่งชี้กิจกรรมหดตัวเป็นครั้งแรกของปี ขณะที่ดัชนีราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2022 สะท้อนแรงกดดันจากภาษีนำเข้า ด้านยอดคำสั่งซื้อและการผลิตชะลอลง ส่วนการจ้างงานลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน สถานการณ์ไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของรัฐบาลทรัมป์ทำให้บริษัทต่างๆ ชะลอการลงทุน และเร่งสต๊อกสินค้า ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบพุ่งขึ้น
4. บริษัทยักษ์ใหญ่จีนมีกำไรไตรมาส 4 สูงกว่าคาดถึง 5.1% จากการฟื้นตัวของการบริโภค หนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เช่น Alibaba, Tencent และ BYD โชว์ผลประกอบการโดดเด่น ท่ามกลางความกังวลต่อแผนภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบการเติบโตปี 2025 ราว 4-5 เปอร์เซ็นต์ แต่นักวิเคราะห์ยังมองว่าหุ้นจีนอยู่ในจุดที่แข็งแกร่งกว่าตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ต่อการขึ้นภาษีรอบใหม่จากทรัมป์ เนื่องจากมีรายได้จากสหรัฐฯ ต่ำเพียง 3%
5. สหภาพยุโรปเตรียมแผนรับมือหากสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรป โดยเฉพาะเหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์ ซึ่งอาจกระทบ มูลค่าสูงถึง 26,000 ล้านยูโร ผู้นำยุโรปย้ำว่ายุโรปมีความพร้อมเจรจา แต่หากจำเป็นก็พร้อมใช้มาตรการตอบโต้ เช่น จำกัดการเข้าถึงสัญญาจัดซื้อของภาครัฐ สิทธิทรัพย์สินทางปัญญา และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ทั้งยังเล็งขยายการค้ากับประเทศอื่น โดยรัฐมนตรีการค้าของอียูจะหารือร่วมกัน 7 เม.ย. นี้ เพื่อกำหนดท่าทีตอบโต้ร่วมกัน
ประเด็นที่ต้องติดตาม: ADP Employment Change ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาดว่าจะรายงานออกมาที่ 60k จากช่วงก่อนหน้าที่ 77k และ EIA Crude Oil Stocks Change ของสหรัฐฯ ประจำวันที่ 28 มี.ค.
