PDF Available  
DR

CHNXT5023 DR23 จาก InnovestX กับโอกาสลงทุน Invesco Great Wall SZSE ChiNext 50 ETF (159682.SZ): ประตูสู่ New Economy ของจีน เติบโตไปพร้อมกับบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำ

21 Nov 25 1:43 PM
สรุปสาระสำคัญ

การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของเศรษฐกิจจีนจาก Old Economy ที่ขับเคลื่อนด้วยอสังหาริมทรัพย์ การผลิตแบบดั้งเดิม และโครงสร้างพื้นฐาน สู่ New Economy ที่เน้นเทคโนโลยี นวัตกรรม และการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพ (New Quality Productive Forces) ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปี ฉบับที่ 15 ที่สนับสนุนการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี การรักษาสมดุลระหว่างภายในและภายนอกประเทศ จนนำไปสู่การส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับการสนับสนุนของรัฐบาลในการลงทุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น EV, พลังงานสะอาด, Automation, Biotech และ AI เพื่อสร้างห่วงโซ่มูลค่าภายในประเทศ ส่งผลให้บริษัทนวัตกรรมจีนขนาดใหญ่ที่อยู่ในดัชนี ChiNext50 ที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมกลายเป็น New Champions ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในยุคต่อไป

CHNXT5023 DR ที่อ้างอิง Invesco ChiNext 50 จึงไม่ใช่แค่กองทุนที่รวมหุ้นเทคโนโลยีจีน 50 ตัว แต่คือพอร์ตบริษัทที่ลงทุน R&D มากที่สุดของจีนในรูปแบบ ETF เพราะเป็นดัชนีที่คัดเลือกเฉพาะบริษัทที่มีสัดส่วนการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาต่อรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด และเป็นผู้เล่นที่รัฐบาลต้องการผลักดันให้เป็นแกนกลางของ New Economy ภายใต้นโยบายอย่าง Made in China 2025 และ Dual Circulation ที่เน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีและการยกระดับห่วงโซ่มูลค่าในประเทศ

บริษัทจำนวนมากในดัชนีนี้อยู่ในอุตสาหกรรมที่ได้รับแรงสนับสนุนโดยตรงจากภาครัฐ เช่น EV Battery, พลังงานสะอาด, Automation, Biotech, AI Infrastructure และ Cloud ซึ่งเป็นกลุ่มที่รัฐทุ่มงบ R&D และให้สิทธิประโยชน์ทางนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้าง New Champions ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ของจีน ไม่ว่าจะเป็น CATL ผู้นำแบตเตอรี่ EV ระดับโลก ผู้ผลิต Optical Module ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของยุค AI หรือแพลตฟอร์ม Fintech และ Healthcare ที่แปลงบริการพื้นฐานให้กลายเป็นดิจิทัลทั้งหมด ด้วยคุณสมบัตินี้ CHNXT5023 จึงเปิดทางให้นักลงทุนได้ถือบริษัทเทคโนโลยีจีนที่ใช้ R&D เป็นเครื่องยนต์หลัก และมีเส้นทางเติบโตระยะยาวที่ชัดเจนจากแรงผลักดันของรัฐ ทำให้กองทุนนี้ไม่ใช่แค่การลงทุนในหุ้นเติบโต แต่คือการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนที่เปลี่ยนจากเมืองคอนกรีตสู่เศรษฐกิจซิลิคอนที่เติบโตด้วยชิป ซอฟต์แวร์ และข้อมูลอย่างแท้จริง

จาก Old Economy สู่ New Economy: จุดเปลี่ยนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของจีน

ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนขับเคลื่อนด้วยสามเครื่องยนต์หลัก คือ อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมการผลิตแบบดั้งเดิม และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เมืองใหญ่ทั้งประเทศเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โรงงานผลิตสินค้าจำนวนมหาศาลไหลออกสู่ตลาดโลก และโครงการขนาดยักษ์อย่างรางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมเมืองทั่วประเทศ แต่เมื่อเวลาผ่านไป แรงขับแบบเดิมเริ่มชะลอลงจากหนี้ภาคอสังหาฯ ที่พุ่งสูงขึ้น ผลตอบแทนต่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ลดลง และจำนวนประชากรวัยทำงานที่หดตัว เครื่องยนต์แบบเดิมจึงเริ่มไม่พอที่จะพาเศรษฐกิจเติบโตต่อไป

 

เพื่อตอบโจทย์อนาคต จีนเลือกเปลี่ยนเครื่องยนต์จาก Old Economy สู่ New Economy ที่ขับเคลื่อนด้วย เทคโนโลยีและนวัตกรรม แทนปริมาณเหล็ก ปูน และที่ดิน โดยจีนได้ย้ายศูนย์กลางการเติบโตจากการก่อสร้างมาสู่การวิจัยและออกแบบ จากแรงงานต้นทุนต่ำมาสู่ทุนความรู้และซอฟต์แวร์ และจากการส่งออกฮาร์ดแวร์มาสู่แพลตฟอร์มอัจฉริยะที่สร้างมูลค่าซ้ำได้

 

นโยบายระดับชาติกลายเป็นตัวเร่งสำคัญ เช่น แผน Made in China 2025 ที่ยกระดับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อากาศยาน อุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูง และ ยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) พร้อมกับ Dual Circulation Strategy ที่ส่งเสริมตลาดภายในประเทศให้เติบโตควบคู่ไปกับการค้าระหว่างประเทศ รัฐบาลยังเร่งลงทุน R&D ใน AI, Robotics, Clean Energy และ Healthcare เพื่อต่อยอดความสามารถทางเทคโนโลยีและสร้างห่วงโซ่มูลค่าภายในประเทศ

 

ผลลัพธ์คือการเกิดขึ้นของ New Champions หรือบริษัทจีนที่เติบโตจากนวัตกรรม ไม่ใช่ปริมาณการผลิต ตั้งแต่ CATL ผู้นำแบตเตอรี่ EV ระดับโลก ไปจนถึง ผู้ผลิต Optical Module และ Cloud Infrastructure ที่รองรับยุค AI รวมถึง แพลตฟอร์ม Fintech และ Healthcare ที่ทำให้บริการพื้นฐานกลายเป็นดิจิทัลและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เศรษฐกิจจีนจึงค่อยๆ เปลี่ยนจาก “เมืองคอนกรีต” ไปสู่เศรษฐกิจซิลิคอนที่ขับเคลื่อนด้วย ชิป ซอฟต์แวร์ และข้อมูล

 

ตลาด ChiNext เป็นเวทีสำคัญของการเปลี่ยนผ่านนี้ ก่อตั้งในปี 2009 เพื่อบ่มเพาะบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมของจีน ถือเป็น “เรือนเพาะชำของ New Economy” อย่างแท้จริง ดัชนี ChiNext 50 ซึ่งรวบรวมบริษัทขนาดใหญ่ 50 แห่งที่โดดเด่นด้าน R&D และการเติบโต จึงเป็นภาพสะท้อนชัดเจนที่สุดของการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจีนสู่ยุคใหม่

 

ลักษณะและนโยบายการลงทุนของกองทุน

ETF นี้อ้างอิงดัชนี SZSE ChiNext 50 Index ซึ่งคัดเลือกหุ้น 50 บริษัทขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง และมีการลงทุน R&D ในสัดส่วนต่อรายได้สูง ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลักของ New Economy เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (NEV & Battery), พลังงานสะอาด, Automation, Healthcare, Biotech และ Fintech โดยกลุ่ม Technology และ Industrial รวมกันคิดเป็นกว่า 60% ของพอร์ต

ด้วยค่าธรรมเนียม TER เพียง 0.20% ต่อปี ซึ่งต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับ ETF อื่นที่อ้างอิงดัชนีเดียวกัน Invesco ChiNext 50 ETF จึงเป็นทางเลือกคุ้มค่าทั้งในด้านต้นทุนและโอกาสการเติบโตระยะยาว

 

ตัวอย่างโครงสร้างพอร์ตและบริษัทหลักในกองทุน (Top Holdings Overview)

  1. CATL (300750 / CATL23)
    ผู้นำด้าน EV Battery และ Energy Storage System (ESS) รายใหญ่ของโลก มีห่วงโซ่การผลิตครบวงจร ตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงรีไซเคิล เติบโตตามเทรนด์พลังงานสะอาดทั่วโลก
  2. EASTMONEY (300059)
    แพลตฟอร์ม Fintech และ Online Investment รายใหญ่ของจีน ได้อานิสงส์จากกระแสการลงทุนของคนรุ่นใหม่ พร้อมการใช้ AI ยกระดับการให้บริการและการวิเคราะห์ข้อมูล
  3. EOPTOLINK (300502)
    ผู้ผลิต Optical Module ชั้นนำ หัวใจของโครงสร้างพื้นฐาน Data Center และ AI Network เติบโตแรงจากการขยายโครงข่าย Cloud และ AI ในจีน
  4. ZHONGJI INNOLIGHT (300308)
    ผู้นำด้าน Optical Communication ของจีน สนับสนุนการเชื่อมต่อข้อมูลความเร็วสูง รองรับ AI Infrastructure และ 5G Network
  5. VGT (300476)
    ผู้นำด้าน Printed Circuit Board (PCB) สำหรับระบบ AI Computing และ Cloud Infrastructure เป็นหนึ่งในแกนสำคัญของห่วงโซ่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จีน

หมายเหตุ: บริษัทในดัชนีอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามข้อมูลล่าสุดของผู้ออกกองทุน Invesco ChiNext Factsheet

 

ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของ ChiNext 50 ETF

  1. New Economy กลายเป็นเครื่องยนต์หลักของ GDP
    อุตสาหกรรมใหม่ เช่น EV, Solar, Automation และ Biotech มีสัดส่วนมากกว่า 10% ของ GDP จีน และยังขยายต่อเนื่องตามนโยบายรัฐที่มุ่งลดการพึ่งพา Old Economy
  2. แรงหนุนจาก R&D และ Innovation สูง
    บริษัทใน ChiNext 50 มีค่าเฉลี่ย R&D/Revenue สูงกว่าบริษัทใน CSI 300 กว่า 5 เท่า สะท้อนศักยภาพนวัตกรรมที่ต่อเนื่องและความสามารถในการแข่งขันระยะยาว
  3. ศักยภาพผลตอบแทนเหนือดัชนีหลัก
    ผลการดำเนินงานย้อนหลังของ ChiNext 50 สูงกว่าดัชนี CSI 300 อย่างมีนัยสำคัญ มี Upside Capture Ratio สูง ทำให้ได้เปรียบเมื่อเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น
  4. มูลค่าน่าสนใจ
    ปัจจุบัน ChiNext 50 ซื้อขายที่ Forward P/E ราว 29 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 30 เท่า สะท้อน downside risk จำกัด แต่ upside potential ยังเปิดกว้าง
  5. ค่าธรรมเนียมต่ำ สภาพคล่องสูง
    TER เพียง 0.20% ต่อปี และมีมูลค่าซื้อขายสูงสุดในกลุ่ม ChiNext 50 ETF ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำได้อย่างคุ้มค่าและคล่องตัว

 

ความเสี่ยงและสิ่งที่ควรระวัง

แม้ New Economy ของจีนจะมีศักยภาพสูง แต่ยังเผชิญความผันผวนจาก นโยบายรัฐที่เข้มงวดต่อ Tech Platform, การแข่งขันระดับโลกใน EV และ AI และภาวะเศรษฐกิจภายในที่อยู่ระหว่างปรับตัว อย่างไรก็ตาม การสนับสนุน R&D ของรัฐ และการเปิดตลาดทุนมากขึ้น ยังเป็นแรงหนุนเชิงโครงสร้างที่ช่วยจำกัดความเสี่ยงระยะยาว

 

 

สนใจลงทุนใน DR CHNXT5023 (Invesco Great Wall SZSE ChiNext 50 ETF) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน

 

คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5