🔍📱 Xiaomi (1810.HK) ธุรกิจ Gadget สัญชาติจีนที่มียอดขายโตระดับโลก

 

🏢 จุดเริ่มต้นของ Xiaomi จนถึงปัจจุบัน

 

เรื่องราวของ Xiaomi เริ่มต้นในปี 2010 เมื่อ Lei Jun อดีตผู้บริหารจาก Kingsoft พร้อมพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญจาก Google และ Motorola ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทด้วยความเชื่อว่าสามารถสร้างสมาร์ทโฟนที่ดีกว่าในราคาที่จับต้องได้ ภายในเพียงหนึ่งปี Xiaomi เปิดตัวระบบปฏิบัติการ MIUI และสมาร์ทโฟนรุ่นแรก Mi 1 ซึ่งกวาดใจผู้บริโภคชาวจีนอย่างรวดเร็ว จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ Xiaomi ใช้กลยุทธ์ "คุณภาพสูง ราคาเป็นมิตร" ขยายธุรกิจจนครองส่วนแบ่งตลาดสำคัญในจีน ก่อนก้าวสู่ตลาดต่างประเทศในปี 2014 โดยเฉพาะในอินเดียที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนแซงหน้า Samsung ในเวลาต่อมา 

 

หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 2018 Xiaomi ยิ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์จากสมาร์ทโฟนสู่อุปกรณ์สมาร์ทโฮมหลากหลายชนิด จนปัจจุบันก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 2 ของโลก และไม่หยุดเพียงเท่านั้น บริษัทยังกล้าท้าทายตัวเองด้วยการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและเซมิคอนดักเตอร์ มุ่งสร้างระบบนิเวศอัจฉริยะที่เชื่อมโยง "คน รถ และบ้าน" เข้าด้วยกัน ปัจจุบัน Xiaomi มีผู้ใช้ทั่วโลกกว่า 685 ล้านคน และติดอันดับ Fortune Global 500 หกปีซ้อน เป็นบทพิสูจน์ว่าวิสัยทัศน์ "นวัตกรรมเพื่อทุกคน" ของพวกเขาประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

 

 

💼 ธุรกิจหลักของ Xiaomi: มากกว่าแค่สมาร์ทโฟน

 

Xiaomi ไม่ได้เป็นเพียงแค่บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย โดยแบ่งธุรกิจหลักเป็น:

 

1. สมาร์ทโฟน 📱: แหล่งรายได้หลักของ Xiaomi มาจากการขายสมาร์ทโฟนภายใต้แบรนด์ต่างๆ เช่น Xiaomi, Redmi และ POCO โดยในปี 2020 บริษัทขายสมาร์ทโฟนได้ 149.4 ล้านเครื่อง

 

2. อุปกรณ์ IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ 🏠: ประมาณ 25% ของรายได้ Xiaomi มาจากผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเช่น สมาร์ททีวี สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เครื่องดูดฝุ่น กล้อง กระจกมองหลัง และอื่นๆ อีกมากมาย

 

3. บริการอินเทอร์เน็ต 🌐: Xiaomi มีรายได้จากแอปพรีโหลดและบริการบนอุปกรณ์ของพวกเขา รวมถึงการสมัครสมาชิกรายเดือนสำหรับรายการทีวี เกม และภาพยนตร์ ตลอดจนบริการโฆษณาต่างๆ

 

4. ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) 🚗: Xiaomi กำลังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่มีคุณสมบัติขั้นสูง โดยบริษัทได้ประกาศลงทุน 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในธุรกิจนี้ในช่วงสิบปีข้างหน้า

 

5. เซมิคอนดักเตอร์ 🔌: ในปี 2022 Xiaomi เริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจการผลิตและออกแบบชิป ซึ่งเป็นความพยายามในการควบคุมห่วงโซ่อุปทานและลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอก

 

Xiaomi ได้สร้างระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น โดยมุ่งเน้นที่กลยุทธ์ "Human × Car × Home" ซึ่งเชื่อมโยงอุปกรณ์ส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮม และยานยนต์เข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมทุกอย่างได้จากแอปพลิเคชันเดียว

 

 

📊 ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

 

ในไตรมาสที่สามของปี 2024 Xiaomi ทำรายได้รวมสูงถึง 92.5 พันล้านหยวน (RMB) เพิ่มขึ้น 30.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยส่วนของสมาร์ทโฟนและ AIoT สร้างรายได้ 82 พันล้านหยวนในช่วงเวลาเดียวกัน 📈

 

แม้ว่าในช่วงการระบาดของโควิด-19 บริษัทจะเห็นการลดลงของยอดขายในไตรมาสแรกของปี 2020 แต่ Xiaomi ก็ยังเป็นแบรนด์เดียวในกลุ่มผู้ขายสมาร์ทโฟนห้าอันดับแรกที่สามารถรักษายอดขายได้ค่อนข้างดี โดยเพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้

า

ในปี 2019 รายได้รวมของ Xiaomi อยู่ที่ประมาณ 205.84 พันล้านหยวน และมีกำไรขั้นต้น 28.55 พันล้านหยวน ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2019 รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 27.1% เป็น 56.5 พันล้านหยวน โดยมีกำไรสุทธิที่ปรับแล้ว 2.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 26.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

 

 

🌍 ธุรกิจระดับโลก แต่แข่งขันหลักในเอเชีย

 

Xiaomi มีการดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก แต่ตลาดหลักของบริษัทอยู่ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

 

ในอินเดีย Xiaomi เป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนมาหลายปี โดยมีโรงงานผลิต 7 แห่งในประเทศ ซึ่ง 4 แห่งอยู่ในรัฐอานธรประเทศ 2 แห่งในรัฐทมิฬนาฑู และอีก 1 แห่งในนอยด้า ตามที่บริษัทอ้าง โทรศัพท์ Xiaomi 99% ผลิตในอินเดีย นอกจากนี้ บริษัทยังอ้างว่าเกือบ 100% ของที่ชาร์จสมาร์ทโฟน สาย USB และแบตเตอรี่ก็ผลิตในอินเดีย บริษัทยังมีโรงงานผลิตสมาร์ททีวีในทิรุปาติ รัฐอานธรประเทศอีกด้วย

Xiaomi ยังมีตำแหน่งที่แข็งแกร่งในรัสเซีย โดยในเดือนกรกฎาคม 2022 Xiaomi และแบรนด์ย่อย POCO รวมกันมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 42% ในตลาดสมาร์ทโฟนรัสเซีย

 

บริษัทยังคงขยายธุรกิจในยุโรปและตลาดเกิดใหม่อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดร้านค้าเพิ่มเติมในสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้

 

 

🚀 กลยุทธ์การเติบโตในอนาคต

 

Xiaomi มีกลยุทธ์การเติบโตที่ชัดเจนสำหรับอนาคต:

 

1. การขยายตลาด 🏪: Xiaomi มีแผนที่จะเปิดร้านค้าเพิ่มเติมในตลาดสำคัญทั่วโลก รวมถึงการเพิ่มศูนย์บริการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า

 

2. การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา 🔬: บริษัทวางแผนที่จะลงทุน 30,000 ล้านหยวน (4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2025 โดยมุ่งเน้นที่ AI, ระบบปฏิบัติการ และชิป

 

3. ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) 🚗: Xiaomi กำลังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่มีคุณสมบัติขั้นสูง ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศในอนาคต

 

4. ความเป็นกลางทางคาร์บอน 🌱: Xiaomi ตั้งเป้าที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2040 และจะขนส่งผลิตภัณฑ์ 2.32 ล้านชิ้นทางทะเลและทางรถไฟในปี 2022 เพื่อลดการปล่อยมลพิษ

 

5. ระบบนิเวศของอุปกรณ์อัจฉริยะ 🏠: Xiaomi มุ่งมั่นที่จะสร้างโลกแห่งอุปกรณ์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อกัน โดยเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ

 

วิสัยทัศน์ของ Xiaomi คือการทำให้เทคโนโลยีคุณภาพสูงเข้าถึงได้สำหรับทุกคน หรือ "นวัตกรรมเพื่อทุกคน" (Innovation for everyone) บริษัททำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและบริการที่โดดเด่นในราคาที่สมเหตุสมผล

 

 

🏆 คู่แข่งหลักในตลาด

 

คู่แข่งสำคัญของ Xiaomi ประกอบด้วย Samsung Electronics, Apple, Huawei, OnePlus และ Oppo 🥊

 

Xiaomi รักษาตำแหน่งสำคัญด้วยการอัปเดตและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตลาดในราคาที่สมเหตุสมผล Apple และ Samsung มีโทรศัพท์คุณภาพดีแต่ราคาสูง ในขณะที่ Xiaomi มีคุณสมบัติมากมายในราคาที่สมเหตุสมผลกว่า

 

สมาร์ทโฟน Redmi มีราคาเริ่มต้นเพียง 6,000 รูปีบน Amazon และ Xiaomi ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดสำหรับการจัดส่งสมาร์ทโฟนในอินเดีย หนึ่งในคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดของ Xiaomi คือ Realme ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของ Oppo ที่กำลังเปิดตัวโทรศัพท์ที่ยอดเยี่ยมพอๆ กับ Xiaomi

 

Motorola และ Samsung ก็เพิ่มการแข่งขันเช่นกัน Samsung เปิดตัวซีรีส์ M ที่เน้นความคุ้มค่าของเงินโดยไม่ลดทอนสเปคที่จำเป็น ทำให้การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงล่างยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

 

 

💰 โอกาสการลงทุนสำหรับคนไทย

 

สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจลงทุนใน Xiaomi มีทางเลือกดังนี้:

 

1. ซื้อหุ้นโดยตรง 📊: หุ้น Xiaomi มีสัญลักษณ์ย่อว่า XIACY (ADR ในสหรัฐฯ) หรือ 1810.HK (ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง) โดยทั้งคู่สามารถลงทุนได้ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX

2. ลงทุนผ่านกองทุนรวม 💼: มีกองทุนรวมหลายกองทุนที่ลงทุนในหุ้น Xiaomi เช่น กองทุนหุ้นจีนแนะนำจาก InnovestX คือ K-CHINA-A(A) ซึ่งมีการลงทุนในหุ้น Xiaomi อยู่ 5.7% (ข้อมูล KAsset 31 ม.ค. 68)

 

 

🤔 ข้อควรพิจารณาก่อนลงทุน

 

แม้ว่า Xiaomi จะเป็นบริษัทที่น่าสนใจ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ควรคำนึงถึง:

 

1. การแข่งขันสูง 🥊: อุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีการแข่งขันที่รุนแรง Xiaomi ต้องลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาเพื่อรักษาความได้เปรียบ

2. ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ 🌐: ในฐานะบริษัทจีน Xiaomi อาจเผชิญกับความท้าทายจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา

3. ความผันผวนของห่วงโซ่อุปทาน ⛓️: การขาดแคลนชิปและปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตและต้นทุนของ Xiaomi

4. การเข้าสู่ตลาดใหม่ 🚗: การลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่อาจต้องใช้เงินทุนมหาศาลโดยไม่มีการันตีความสำเร็จ

5. ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน 💱: การลงทุนในหุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจส่งผลต่อผลตอบแทนของคุณ

 

 

💡 สรุป: Xiaomi กับโอกาสการลงทุน

 

Xiaomi เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีประวัติการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่น่าประทับใจ และกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่ชัดเจน การที่บริษัทมุ่งเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่

 

การก้าวเข้าสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและเซมิคอนดักเตอร์แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวของบริษัทในการสร้างระบบนิเวศที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสการเติบโตในอนาคต

 

 

🚀 พร้อมลุยแล้วใช่ไหม?

ถ้าคุณสนใจจะลงทุนใน Xiaomi หรือหุ้นต่างประเทศอื่นๆ คุณสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ตัวช่วยให้คุณเข้าถึงการลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ง่ายขึ้น มีข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ

ดาวโหลดแอปและเปิดบัญชี เพื่อลงทุนหุ้น Xiaomi หรือ กองทุน K-CHINA-A(A)

คลิก! https://innovestx.onelink.me/23if/wcglcvf4

 

ที่มา: Xioami, Britannica และ Bloomberg  
แปลและเรียบเรียง: InnovestX