ลงทุนก้าวแรก

EBITDA คืออะไร ? วิธีคำนวณและการนำไปใช้

24 Apr 25 2:48 PM
EBITDA คืออะไร มีสูตรคำนวณอย่างไร
สรุปสาระสำคัญ

EBITDA คือหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้วิเคราะห์ผลประกอบการของบริษัท โดยนักลงทุนมักใช้เพื่อประเมินความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจโดยไม่รวมต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลัก ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบบริษัทต่าง ๆ ได้แม่นยำยิ่งขึ้น

EBITDA คืออะไร สำคัญกับการลงทุนอย่างไร

  

EBITDA คืออะไร ?

EBITDA ย่อมาจาก Earnings Before Interest, Taxes, Depreciation, and Amortization หมายถึง กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย เป็นตัวเลขที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของบริษัทต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะตัดปัจจัยที่อาจทำให้ตัวเลขกำไรสุทธิแตกต่างกันออกไปเรียบร้อยแล้ว

  

เมื่อเทียบกับตัวชี้วัดอื่น ๆ เช่น EBIT หรือ Net Profit ตัว EBITDA จะเน้นที่ความสามารถของธุรกิจในการสร้างกำไรจากการดำเนินงาน โดยไม่รวมถึงผลกระทบจากโครงสร้างทางการเงินและนโยบายภาษีของบริษัท

  

สูตร EBITDA และวิธีคำนวณ

สูตรมาตรฐานของ EBITDA คือ

 

EBITDA = กำไรสุทธิ + ดอกเบี้ยจ่าย + ภาษีเงินได้ + ค่าเสื่อมราคา + ค่าตัดจำหน่าย

 

ตัวอย่างเช่น หากบริษัท A มีตัวเลขดังนี้

  • กำไรสุทธิ : 50 ล้านบาท
  • ดอกเบี้ยจ่าย : 10 ล้านบาท
  • ภาษีเงินได้ : 15 ล้านบาท
  • ค่าเสื่อมราคา : 20 ล้านบาท
  • ค่าตัดจำหน่าย : 5 ล้านบาท

  

จะได้ EBITDA = 50 + 10 + 15 + 20 + 5 = 100 ล้านบาท

 

  

EBITDA Margin คืออะไร ?

EBITDA Margin คือ อัตราส่วนที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจว่าธุรกิจสามารถทำ EBITDA ได้มากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมด สามารถคำนวณได้จากสูตร

 

EBITDA Margin = (EBITDA ÷ รายได้รวม) × 100

 

EBITDA Margin ที่สูง จะบ่งชี้ว่าบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี และมีประสิทธิภาพในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ค่าเฉลี่ยของ EBITDA Margin จะแตกต่างกันไปในแต่ละอุตสาหกรรม นักลงทุนจึงควรเปรียบเทียบค่า EBITDA Margin กับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน

  

นักลงทุนทำความเข้าใจว่า EBITDA Margin คืออะไร

 

  

การใช้ EBITDA ในการวิเคราะห์การลงทุน

EBITDA มีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์หุ้น นักลงทุนสามารถใช้เพื่อประเมินศักยภาพของบริษัทโดยไม่ต้องคำนึงถึงต้นทุนทางการเงินหรือกลยุทธ์ทางภาษี นอกจากนี้ ยังใช้ร่วมกับอัตราส่วนทางการเงินอื่น ๆ เช่น EV/EBITDA ซึ่งช่วยให้เปรียบเทียบมูลค่าของบริษัทได้ดีขึ้น

  

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ EBITDA จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณา เช่น ไม่สะท้อนถึงกระแสเงินสดจริงของธุรกิจ และอาจถูกปรับแต่งให้ดูดีขึ้นได้ นักลงทุนจึงควรใช้ EBITDA ควบคู่กับตัวชี้วัดอื่น ๆ เพื่อให้เห็นภาพที่ครบถ้วน

  

เปรียบเทียบ EBITDA กับตัวชี้วัดทางการเงินอื่น ๆ

EBITDA vs Net Profit

กำไรสุทธิเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ขณะที่ EBITDA ตัดปัจจัยบางอย่างออกไป เพื่อให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบธุรกิจได้ง่ายขึ้น

  

EBITDA vs EBIT

EBIT คำนวณจากกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี แต่ยังรวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายไว้ จึงใกล้เคียงกับ EBITDA มากกว่ากำไรสุทธิ

  

EBITDA vs Free Cash Flow

EBITDA ไม่สะท้อนถึงกระแสเงินสดจริงของบริษัท ขณะที่ Free Cash Flow แสดงถึงเงินสดที่เหลืออยู่หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด

  

ตัวอย่างการใช้ EBITDA ในการวิเคราะห์หุ้น

นักลงทุนมักใช้ EBITDA เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพของบริษัท โดยเฉพาะในการเปรียบเทียบธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ตัวอย่างต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นว่า EBITDA มีบทบาทอย่างไรในการช่วยตัดสินใจลงทุน

  

เปรียบเทียบบริษัท A และบริษัท B ในอุตสาหกรรมเดียวกัน

บริษัท A

  • รายได้รวม : 3,000 ล้านบาท
  • EBITDA : 600 ล้านบาท
  • EBITDA Margin : 20% (600 ÷ 3,000 × 100)
  • หนี้สินรวม : 2,000 ล้านบาท
  • กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน : 400 ล้านบาท

  

บริษัท B

  • รายได้รวม : 3,000 ล้านบาท
  • EBITDA : 500 ล้านบาท
  • EBITDA Margin : 16.7% (500 ÷ 3,000 × 100)
  • หนี้สินรวม : 800 ล้านบาท
  • กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน : 450 ล้านบาท

  

วิเคราะห์ข้อมูล

  • บริษัท A มี EBITDA และ EBITDA Margin สูงกว่า บริษัท B (600 ล้านบาท vs 500 ล้านบาท และ 20% vs 16.7%) แสดงให้เห็นว่าบริษัท A สามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานได้มากกว่า
  • บริษัท B มีหนี้สินต่ำกว่ามาก (800 ล้านบาท vs 2,000 ล้านบาท) บ่งชี้ว่าบริษัท B มีภาระหนี้น้อยกว่า อาจมีความเสี่ยงทางการเงินต่ำกว่า
  • บริษัท B มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูงกว่า (450 ล้านบาท vs 400 ล้านบาท) แสดงให้เห็นว่าบริษัท B อาจมีสภาพคล่องที่ดีกว่า แม้ EBITDA จะต่ำกว่า

  

สรุปการตัดสินใจลงทุน

  • หากนักลงทุนสนใจบริษัทที่สามารถทำกำไรจากการดำเนินงานสูง และควบคุมต้นทุนได้ดี บริษัท A อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
  • หากนักลงทุนให้ความสำคัญกับความเสี่ยงทางการเงินที่ต่ำ และกระแสเงินสดที่มั่นคง บริษัท B อาจเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า

  

สรุปได้ว่า EBITDA เป็นเพียงหนึ่งในตัวชี้วัดที่ช่วยให้เห็นประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัท แต่ไม่สามารถใช้ตัดสินใจได้เพียงอย่างเดียว นักลงทุนจึงควรวิเคราะห์ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น หนี้สิน กระแสเงินสด และแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่แม่นยำที่สุดในการตัดสินใจลงทุน

  

นอกจากเรื่องราวน่าสนใจของ EBITDA ที่เรานำมาฝากกัน สามารถติดตามสาระความรู้และกลยุทธ์จากผู้เชี่ยวชาญจากบทความการลงทุนของ InnovestX ได้เลย มีบทความดี ๆ พร้อมกลยุทธ์ มุมมอง และบทวิเคราะห์การลงทุนในทุกแง่มุม รวบรวมไว้อย่างครบครัน อัปเดตทันเหตุการณ์ เพื่อให้คุณก้าวสู่โลกการลงทุนได้อย่างมั่นใจ

  

คำเตือน

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

  

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. EBITDA: Definition, Calculation Formulas, History, and Criticisms. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 จาก https://www.investopedia.com/terms/e/ebitda.asp
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5