สรุปสาระสำคัญ
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัว แต่ยังมีแรงกดดันที่ 1500 จุด
- ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET พลิกปรับลง 1.72% เนื่องจากถูกกดดันทั้งจากปัจจัยในประเทศ อาทิ กังวลปัจจัยการเมืองในประเทศและตัวเลขการส่งออกต่ำกว่าคาด อีกทั้งผู้ว่า ธปท. ระบุการลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุดยังไม่ใช่วงจรดอกเบี้ยขาล และจากปัจจัยต่างประเทศ อาทิ กังวลโอกาสที่ทรัมป์จะได้รับเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐมีมากขึ้น จะทำให้เกิดสงครามการค้าและการขาดดุลการคลังที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับสูงขึ้น กดดันให้กระแสเงินทุนไหลออกจากตลาด EM รวมทั้งตลาดหุ้นไทย โดยสองสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1.2 หมื่นลบ. ทั้งนี้หุ้นที่มีแรงซื้อ นำโดย DELTA SCB TRUE ICL PTTGC WHA AMATA ส่วนหุ้นที่มีแรงขาย นำโดย ADVANC GULF BBL CPALL INTUCH TOP MINT
- แม้ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวจากระดับ 1450 จุด เนื่องจากมองตัวเลขเงินเฟ้อจีนจะออกมาต่ำกว่าคาดทำให้จีนอาจจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ และคาดเฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้น รวมไปถึงการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐ คาดจะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะมีความผันผวนที่สูงหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ปธน. ส่วนปัจจัยในประเทศน่าจะถูกขับเคลื่อนด้วยผลประกอบการ 3Q67 ของ บจ. ไทยเป็นสำคัญ แต่อย่างไรก็ดี ความผันผวนของค่าเงินและ Fund Flow ที่ยังไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ยังเป็นแรงกดดันต่อ Upside ของ SET ที่ 1500 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1.หุ้น Earning Play ซึ่งหากนักลงทุนต้องการเก็งกำไรระยะสั้นสำหรับหุ้นที่คาดประกาศกำไร 3Q67 เติบโตดี YoY และเราแนะนำ Outperform เลือก CPAXT TU BCH MTC CBG WHA BDMS CPALL TIDLOR BEM AOT ขณะที่แนะนำระมัดระวังกลุ่มที่มีความเสี่ยง 3Q67 งบออกมาแย่กว่าตลาดคาด อาทิ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจากราคาน้ำมันลดลง
2.หุ้น Global Play ซึ่งคาดระยะสั้นยังได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า และผลประกอบการยังฟื้นตัวต่อเนื่อง โดย 3Q67 คาดกำไรเติบโต YoY และ 2H67 คาดกำไรยังแข็งแกร่ง HoH และ YoY เลือก TU AOT
3.หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี อาทิ SSF RMF และ THAIESG แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% และมี ESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ AA-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว อีกทั้งมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2568 เลือก BBL ADVANC HMPRO BCP ทั้งนี้แนะนำรอซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงในช่วงที่ผ่านมา
4.นักลงทุนที่ยังกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางและต้องการหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
5 หุ้น Top Pick Bi-weekly Portfolio
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง bi-weekly portfolio Biweekly Portfolio Strategy