ข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกอ่อนตัวลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้สะท้อนความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในเดือน ธ.ค. ไปแล้วในระดับหนึ่ง ด้านตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นตามคาด อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิตเพิ่มขึ้นและสูงกว่าคาด หนุนผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่า 4.3% ผลประกอบการหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ รวมไปถึงการส่งสัญญาณตอบโต้มาตรการการขึ้นภาษีของแคนาดาและจีนต่อสหรัฐ กดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลง 0.9% กลุ่มธนาคารปรับตัวลดลง 1.3% จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ลดลง อย่างไรก็ตามแรงส่งจากหุ้นขนาดใหญ่ (Mag 7) หลายตัวที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวหนุนตลาดหุ้น Nasdaq ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ระหว่างสัปดาห์ ฝั่งยุโรปธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลดดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ของปี ลงสู่ 3% จากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ความไม่มั่นคงทางการเมือง ความเสี่ยงจากนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ ดัชนี Stoxx 600 ไม่ตอบสนองเชิงบวกการลดดอกเบี้ยดังกล่าวในสัปดาห์นี้ ด้านตลาด EM เงินเฟ้อผู้บริโภคของจีนเดือน พ.ย. ชะลอลงจากเดือนก่อน และต่ำกว่าคาด ด้านยอดขายบ้านใหม่ก็ยังมีทิศทางลดลง อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในปี 2025 ช่วยหนุนตลาดหุ้นจีน ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีฟื้นตัวหลังลดลงแรงในช่วงก่อนจากปัจจัยการเมืองในประเทศ ด้านตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ยังอ่อนตัวลงในสัปดาห์นี้ เม็ดเงินจากสถาบันในประเทศยังคงไหลเข้าจากกองทุนประหยัดภาษีปลายปี ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ แม้ OPEC จะปรับลดคาดการณ์อุปสงค์ลง
ตลาดหุ้นโลก
สัปดาห์นี้ตลาดโลกอ่อนตัว หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเพิ่มขึ้นตามคาด อย่างไรก็ตามตลาดประเมินโอกาสลดดอกเบี้ยมีมากขึ้น ขณะที่ตลาดจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในปี 2025 ทำให้ตลาดไปต่อแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อและส่งออกจะปรับลดลงต่ำกว่าคาด
ตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ตลาดไทยปรับตัวลดลงขณะที่มูลค่าซื้อขายเบาบางด้าน (1) ครม. อนุมัติมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" แก้หนี้ลูกหนี้รายย่อยและ SME และลูกหนี้กลุ่มเปราะบางอื่น ๆ (2) ครม. อนุมัติยกเว้นภาษีเงินได้จากการจัดอบรมสัมมนาและเที่ยวเมืองรองรวมไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท และอนุมัติ พ.ร.ก. 2 ฉบับ เปิดทางไทยเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำ 15% ตามแนวทาง OECD (3) บอร์ดไตรภาคีชุดใหม่ยังไม่มีข้อสรุปในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เลื่อนเป็น 23 ธ.ค.
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4. 33% ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปีปรับขึ้นมาที่ 4.20% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 12 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ทรงตัวที่ 2.32% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 1.99% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่3,652 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นสู่ 73.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังสหภาพยุโรปออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ซึ่งอาจกระทบอุปทานน้ำมันโลก แม้ OPEC ลดคาดการณ์อุปสงค์ลงต่อเนื่อง ด้านราคาทองคำ (Spot) เพิ่มขึ้นสู่ 2,680.46 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แข็งค่าขึ้นที่ 107.15 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงที่ 152.96 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.05 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 34.00บาท ขณะที่เงินหยวนอ่อนค่าลงที่ระดับ 7.28 หยวน