เส้นตาย 9 ก.ค. – ตลาดลุ้นท่าทีทรัมป์ชี้ทิศทางเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลัง จับจังหวะลงทุนด้วย US Options
by INVX Investment Strategy
7 ก.ค. 68
เหลือเวลาไม่ถึง 2 วันก่อนครบกำหนดเส้นตาย 9 กรกฎาคม ซึ่งเป็นเดดไลน์เดิมที่สหรัฐฯ จะใช้ตัดสินอัตราภาษีนำเข้าต่อประเทศคู่ค้า แม้บางประเทศ เช่น UK จีน และเวียดนาม บรรลุกรอบข้อตกลงแล้ว แต่หลายประเทศยังอยู่ระหว่างการเจรจา โดยรมว.พาณิชย์สหรัฐฯ ยืนยันว่าภาษีจะมีผลจริงในวันที่ 1 สิงหาคม ทำให้ตลาดเผชิญความไม่แน่นอนสูง ขณะที่ทรัมป์ได้ลงนามจดหมายแจ้งอัตราภาษี 10-70% แก่ 12 ประเทศ และรมว.คลังส่งสัญญาณอาจขยายเวลาเจรจาอีก 3 สัปดาห์ สำหรับบางประเทศ สะท้อนว่าความไม่แน่นอนยังคงสูงจากสัญญาณที่ไม่ชัดเจน
นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาว่าผลการเจรจาและท่าทีจากสหรัฐฯ จะออกมาในทิศทางใด เพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความเชื่อมั่นในตลาดการลงทุน และเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดหุ้นหลังปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
โดยทางเราประเมินว่าผลลัพธ์ ณ วันที่ 9 ก.ค. สามารถแยกเป็น 3 scenarios สำคัญที่นักลงทุนควรติดตามดังนี้
📌 Scenario 1: ข้อตกลงการค้าสำเร็จ – หนุนบรรยากาศการลงทุนและสินทรัพย์เสี่ยง
• หลายประเทศประกาศกรอบข้อตกลงกับสหรัฐฯ คล้ายกับกรณีของ UK จีน และ เวียดนาม
• แม้ข้อตกลงยังไม่ลงรายละเอียด แต่ช่วยเลี่ยงการเรียกเก็บ reciprocal tariffs ทันที สร้างบรรยากาศบวกในตลาด
• ลดแรงกดดันเงินเฟ้อ หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยเฉพาะกับตลาดหุ้นหรือหุ้นที่พึ่งพาการส่งออก
กลยุทธ์-สินทรัพย์แนะนำ
✅ iShares MSCI ACWI ETF (ACWI) / กองทุน KKP PGE-H / กองทุน K-GSELECT - จากบรรยาการการค้าโลกที่สดใส หนุน sentiment หุ้นโลก
✅ S&P 500 ETF (SPY) / กองทุน K-US500X-A(A) หรือ Nasdaq 100 ETF (QQQ) / กองทุน SCBNDQ(A) - จากโมเมนตัมหนุนตลาดต่อ
✅ iShares MSCI Emerging Markets ETF (EEM) / กองทุน TISCOGEM – หุ้นเกิดใหม่ได้แรงบวกจากสงครามการค้าคลี่คลาย และมี Valuation ถูกทำให้อาจมี upside ที่มากกว่าหุ้นโลก
✅ Long Call Options บน ETF ต่างๆ – เก็งกำไรบน Options เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่มากขึ้น ขณะที่ขาดทุนสูงสุดเพียงค่า premium แต่ไม่ควรลงทุนเกิน 5% ของพอร์ตการลงทุน เพราะมีความเสี่ยงที่นักลงทุนสูญเสียค่า premium ทั้งหมด หาก Options หมดอายุ
📌 Scenario 2: ภาษีกลับมาเต็มอัตรา – กดดันตลาดอย่างรุนแรงระยะสั้น
• การเจรจาล่มหรือบรรลุข้อตกลงไม่ทันเวลา สหรัฐฯ เริ่มเรียกเก็บ reciprocal tariffs ตามที่ประกาศ 10-70%
• อัตราภาษีนำเข้าเฉลี่ยอาจพุ่งขึ้นอีก ~7 จุดเปอร์เซ็นต์ สู่ราว 20% (ตามคาดการณ์ของ Bloomberg) → เสี่ยงฉุดกำลังซื้อในสหรัฐฯ และเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อ
กลยุทธ์-สินทรัพย์แนะนำ
✅ SPDR Gold Shares ETF (GLD) / กองทุน UOBSG - H – ป้องกันพอร์ตจากความเสี่ยงตลาดหุ้นย่อตัวและความกังวลรวมถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
✅ Long Put Options บน S&P 500 ETF (SPY) หรือ Nasdaq 100 ETF (QQQ) – ทำกำไรหากตลาดร่วงแรง เนื่องจาก Valuation ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตึงตัวหากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบเสี่ยงย่อตัว
📌 Scenario 3: ขยายเวลาพักภาษี – เลี่ยงช็อกทันทีแต่ความไม่แน่นอนยืดเยื้อ
• บางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เจรจาไม่ทันเดดไลน์ 9 ก.ค. แต่แสดงความตั้งใจจริง ทำให้มีโอกาสได้ขยายเวลาพักภาษีถึงวันแรงงานสหรัฐฯ (1 ก.ย.)
• แม้ช่วยเลี่ยงการถูกเก็บภาษีทันที แต่ตลาดยังคงผันผวน เพราะความไม่แน่นอนจะยืดออกไป หากไม่สามารถปิดดีลภายในช่วงเวลาที่ขยาย
กลยุทธ์-สินทรัพย์แนะนำ
• ตลาดมีแนวโน้มผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของผลการเจรจา แต่ทิศทางไม่ชัดเจน
• นักลงทุนอาจใช้กลยุทธ์หรือสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากความผันผวนโดยไม่ต้องเดาทิศทาง
✅ ETF สินทรัพย์ปลอดภัยระยะสั้น (เช่น SHV, BIL) / กองทุน KFSPLUS-A – ช่วยพักเงินชั่วคราวระหว่างรอความชัดเจน ขณะที่รักษาสภาพคล่อง
✅ Long Straddle
• ซื้อพร้อมกันทั้ง Long Call และ Long Put บน SPY (หรือดัชนีที่คุณเลือก) ที่ strike ใกล้ราคาปัจจุบัน จะทำให้ได้ประโยชน์หากตลาดเหวี่ยงขึ้นหรือลงแรง เพราะอย่างใดอย่างหนึ่งจะมีกำไรมากพอคุ้มค่า premium กลยุทธ์นี้เล่นกับความผันผวนสูงโดยไม่ต้องเดาทิศทาง
✅ Long Strangle
• ซื้อ call และ put ที่ strike price ต่างกัน โดยให้ call strike สูงกว่าและ put strike ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน กลยุทธ์นี้จะถูกกว่าการทำ straddle แต่ต้องให้ตลาดสวิงแรงกว่าถึงจะเริ่มมีกำไร